ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 5 ก.ย. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.ย. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เปิดฉากการเดินทางเยือนราชอาณาจักรเอสวาตินี ประเทศพันธมิตรของไต้หวันที่ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา ภายใต้แผน “ร่วมเฉลิมฉลองมิตรภาพ ส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างกัน” รวมระยะเวลา 4 วัน 3 คืน ปธน.ไช่ฯ ได้แถลงก่อนออกเดินทาง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน โดยระบุว่า การเดินทางครั้งนี้ ในฐานะตัวแทนภาคประชาชนชาวไต้หวัน จะมุ่งบรรลุภารกิจหลัก 2 ประการ ได้แก่ ร่วมเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างสองประเทศ และส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างกัน ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างสองประเทศนับวันยิ่งเป็นไปอย่างลุ่มลึก แม้ว่าจะประสบกับความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์โรคระบาด แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการแพทย์สาธารณสุข การเสริมสร้างศักยภาพสตรีและเทคโนโลยีทางการเกษตร เป็นต้น ซึ่งบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่เพิ่มพูนอย่างเห็นได้ชัด โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนเชิงลึกกับเอสวาตินี ตั้งแต่รัฐบาลกลางไปจนถึงส่วนท้องถิ่น ตลอดจนร่วมเผชิญกับความท้าทายหลังสถานการณ์โควิด – 19 ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความก้าวหน้าระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังเน้นย้ำว่า ไต้หวันจะก้าวไปข้างหน้าอย่างหนักแน่นและเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น เพื่อส่งเสริมให้ประชาคมโลกประจักษ์ถึงพลังแห่งความดีที่เปี่ยมด้วยเสถียรภาพของไต้หวัน
แถลงการณ์ของปธน.ไช่ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ :
เอสวาตินีเป็นประเทศพันธมิตรของไต้หวันที่ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งนอกจากจะร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันในเวทีนานาชาติมาเป็นเวลายาวนานแล้ว นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 ที่สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 (H.M. King Mswati Ⅲ) ขึ้นครองราชย์เป็นต้นมา ได้มีการนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวัน 18 ครั้ง เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างใกล้ชิดและราบรื่น
ในปีนี้ประจวบกับเป็นวาระครบรอบ 55 ปีที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และเป็นวาระครบรอบ 55 ปีแห่งการประกาศเอกราชของเอสวาตินี อีกทั้งยังเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 55 พรรษา โดยระหว่างการเดินทางเยือนในครั้งนี้ ปธน.ไช่ฯ ในฐานะตัวแทนของประชาชนชาวไต้หวันจะส่งมอบคำอวยพรด้วยใจจริง และร่วมเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างสองประเทศ ที่เสริมสร้างร่วมกันมาเป็นเวลายาวนาน
การเดินทางเยือนในครั้งนี้ยังมีภารกิจประการที่สอง นั่นคือการส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืนและต่อเนื่องระหว่างสองประเทศ
ในปี 2018 ระหว่างที่ปธน.ไช่ฯ เดินทางเยือนเอสวาตินี ได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ความคืบหน้าทางความร่วมมือ และทิศทางการพัฒนาระหว่างสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดระยะเวลา 5 ปีมานี้ การแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินี เป็นไปอย่างลุ่มลึก โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังว่า ทั้งสองประเทศจะมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนเชิงลึกกับเอสวาตินี ตั้งแต่รัฐบาลกลางไปจนถึงส่วนท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้ การเดินทางในครั้งนี้ จึงได้เชิญนายเฉินฉีม่าย ผู้ว่าการนครเกาสง เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในคณะตัวแทน เพื่อบรรลุภารกิจข้างต้น โดยขณะนี้ นครเกาสง - กรุงอึมบาบานี เมืองหลวงของเอสวาตินี อยู่ในระหว่างการจัดตั้งโครงการผูกสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้องระหว่างกัน ภายใต้โครงการข้างต้นนี้ พวกเราคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองพื้นที่มุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกในด้านความร่วมมือทางการศึกษาและการแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชน
เอสวาตินี - ไต้หวัน เป็นมิตรสหายเก่าแก่ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นมิตรสหายที่แท้จริงที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยพวกเราจะมุ่งมั่นรับมือกับความท้าทายหลังยุคโควิด – 19 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความก้าวหน้าระหว่างสองประเทศสืบต่อไป
ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ พวกเราจะประสานการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานสภาบริหาร เพื่อรับมือกับสถานการณ์ภายในประเทศต่อไป แม้ว่าพายุไต้ฝุ่นไห่ขุยจะอ่อนกำลังลงมากแล้ว แต่ระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้ พื้นที่ทางภาคตะวันออกของไต้หวัน เมืองจินเหมินและพื้นที่ภูเขาบางส่วน ต่างก็เกิดพายุฝนกระหน่ำ ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมการรับมืออย่างรัดกุม
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.ย. นายเฉินเจี้ยนเหริน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และนายหลินโย่วชาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของไต้หวัน ก็ได้เดินทางไปยังเมืองไถตง เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยปธน.ไช่ฯ ก็ได้กำชับให้หน่วยงานสภาบริหารมุ่งประสานการติดต่อกับรัฐบาลส่วนท้องถิ่น เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือหลังภัยพิบัติอย่างทันท่วงที ความเสียหายทางการเกษตรที่เกิดจากพายุไต้ฝุ่นในครั้งนี้ นอกจากจะส่งมอบเงินอุดหนุนและความช่วยเหลือที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนให้แก่กลุ่มเกษตรกรแล้ว ยังได้เริ่มใช้มาตรการป้องกันการผันผวนของราคาผักและผลไม้สดด้วย