ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่อิงเหวินเดินทางถึงราชอาณาจักรเอสวาตินี ตามแผน “ร่วมฉลองมิตรภาพและส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืน” พร้อมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ร่วมกับสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3
2023-09-06
New Southbound Policy。ปธน.ไช่อิงเหวินเดินทางถึงราชอาณาจักรเอสวาตินี ตามแผน “ร่วมฉลองมิตรภาพและส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืน” พร้อมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ร่วมกับสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไช่อิงเหวินเดินทางถึงราชอาณาจักรเอสวาตินี ตามแผน “ร่วมฉลองมิตรภาพและส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืน” พร้อมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ร่วมกับสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 6 ก.ย. 66
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นในเอสวาตินี ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ King Mswati III International Airport ตามแผน “ร่วมฉลองมิตรภาพและส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืน” หลังจากที่โดยสารอากาศยานเป็นระยะเวลากว่า 14 ชั่วโมง
 
หลังจากที่เที่ยวบินพิเศษลงจอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายเหลียงหงเซิง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ประจำเอสวาตินี และ Mr. Swazi Patrick Dlamini อธิบดีกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศของเอสวาตินี ได้เข้าให้การต้อนรับปธน.ไช่ฯ บนอากาศยาน ส่วน Mr. Cleopas Dlamini นายกรัฐมนตรีเอสวาตินี ได้รอให้การต้อนรับ ณ สะพานเทียบเครื่องบิน โดยเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงของเอสวาตินีได้เชิญปธน.ไช่ฯ เข้าร่วมพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศเพื่อการต้อนรับอย่างสมเกียรติ และร่วมชื่นชมการแสดงนาฏศิลป์แบบดั้งเดิมของเอสวาตินี นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังจับมือทักทายกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลที่พำนักอาศัยอยู่ในเอสวาตินี ที่มาร่วมให้การต้อนรับด้วย
 
หลังจากที่ปธน.ไช่ฯ และนรม. Dlamini เข้าร่วมหารือในห้องรับรองอาคันตุกะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังหอประชุมนานาชาติ Mandvulo เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 (H.M. King Mswati Ⅲ) โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในวงกว้าง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์สาธารณสุข ความสัมพันธ์แบบทวิภาคี การเสริมสร้างศักยภาพสตรี และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า เป็นต้น
 
หลังเสร็จสิ้นการประชุม ปธน.ไช่ฯ และสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกองทุนหมุนเวียนสินเชื่อขนาดเล็ก (micro credit) สำหรับการประกอบธุรกิจของกลุ่มสตรี ซึ่งมีนางหวังเหม่ยฮัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน และ Dr. Tambo Gina รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจ ลงนามร่วมกัน นอกจากนี้ ยังมีการลงนามใน “ความตกลงว่าด้วยการผูกสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้อง” ระหว่างนายเฉินฉีม่าย ผู้ว่าการนครเกาสง และ Mr. Vusi Tembe นายกเทศมนตรีกรุงนายกเทศมนตรีกรุงอึมบาบานี รวมถึงการร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างนายจงเจียฟู่ ผู้จัดการใหญ่บริษัท Overseas Investment & Development Corp. (OIDC) ของไต้หวัน และ Mr. Nhlanhla Dlamini ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัทปิโตรเลียม Eswatini National Petroleum Company (ENPC) ของเอสวาตินี
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ความร่วมมือ 3 ฉบับที่ลงนามในครั้งนี้ มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นอย่างมาก และเป็นหลักชัยใหม่แห่งอนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยความตกลงฉบับแรกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างศักยภาพสตรีและความเสมอภาคทางเพศ อันเป็นประเด็นที่ไต้หวันให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลายปีมานี้ เราคาดหวังที่จะมอบความช่วยเหลือให้แก่กลุ่มสตรีที่ต้องการสร้างธุรกิจเป็นของตนเองด้วยการให้สนับสนุนทางการเงิน เพื่อส่งเสริมให้พวกเขาสามารถเปิดกิจการของตนเองได้อย่างราบรื่น ปธน.ไช่ฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่รัฐบาลเอสวาตินีได้ยื่นแผนข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งไต้หวันยินดีเข้าร่วมโครงการนี้ด้วยความเต็มใจ
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวอีกว่า ความตกลงฉบับที่ 2 คือเมืองที่สำคัญของไต้หวันและเอสวาตินี ได้ผูกสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้องกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลส่วนกลางของ 2 ประเทศแล้ว พวกเรายังคาดหวังที่จะเห็นความสัมพันธ์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาต่อไปในเชิงลึก เพื่อส่งเสริมให้เมืองทั้งสองมีปฏิสัมพันธ์และคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันต่อไป
 
ความร่วมมือฉบับที่ 3 ถือเป็นโครงการที่ทั้งสองฝ่ายร่วมหารือกันมาอย่างยาวนาน ปธน.ไช่ฯ จึงขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ที่ทรงร่วมส่งเสริมให้โครงการนี้บังเกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง โดยหวังว่าโครงการจะได้รับการผลักดันอย่างราบรื่น ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้มีการจัดตั้งคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) ในเอสวาตินี เพื่อความมั่นคงในด้านพลังงาน
 
สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ตรัสว่า ประชาชนชาวเอสวาตินีมุ่งมั่นเรียนรู้ประสบการณ์จากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วในระดับโลก เพื่อทำการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของภาคประชาชนในพื้นที่ โดยสมเด็จฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อไต้หวัน พร้อมตรัสเสริมว่า ไต้หวันเป็นต้นแบบกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และทรงเชื่อว่า ความร่วมมือระหว่างไต้หวันและเอสวาตินี จะช่วยเอสวาตินีมีการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ชนบท ในปัจจุบัน การที่พื้นที่ส่วนมากในเอสวาตินีสามารถเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าได้ ก็เนื่องมาจากการได้รับการสนับสนุนจากไต้หวัน นอกจากโครงการความร่วมมือด้านพลังงานแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ยังประสานความร่วมมือกันในอีกหลายด้าน อาทิ วัฒนธรรม เศรษฐกิจและการค้า นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีบริษัทไต้หวันเข้าจัดตั้งโรงงานในเอสสวาตินีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก รัฐบาลเอสวาตินียินดีต้อนรับเหล่านักลงทุนชาวไต้หวัน ที่ร่วมสร้างโอกาสในการทำงานที่เพิ่มมากขึ้นให้แก่ประชาชนในพื้นที่
 
สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ยังทรงชี้ว่า เอสวาตินีเฝ้าจับต่อประเด็นที่ไต้หวันยังไม่สามารถเข้าร่วมในเวทีนานาชาติได้อย่างเต็มที่ โดยเอสวาตินีจะมุ่งผลักดันให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในการประชุมภายใต้ระบบสหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไต้หวันมีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนกับประชาคมโลก และได้รับข้อมูลจำเป็นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายระดับสากล โดยสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ทรงหวังว่า มวลมนุษยชาติทั่วโลกจะอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี มีความสุขและสนับสนุนซึ่งกันและกัน หากไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ ก็จะสามารถได้รับข้อมูลและการสนับสนุนจากทั่วโลกได้อย่างทันท่วงทีมากขึ้น
 
สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ทรงย้ำว่า ไต้หวัน - เอสวาตินี ต่างรับมือกับความท้าทายระดับโลกได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าอุปสรรคตรงหน้าจะมากมายเพียงใด แต่พวกเราก็สามารถผ่านพ้นไปได้ โดยเราจะมุ่งมั่นประสานความสามัคคี และเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ควบคู่ไปกับการแสวงหาแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนของทั้งสองประเทศรู้สึกภาคภูมิใจในความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนและมิตรภาพระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่สืบสานร่วมกันมาอย่างยาวนานสามารถคงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน