กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 16 ก.ย. 66
สหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส (Saint Kitts and Nevis) ประเทศพันธมิตรของไต้หวันในพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียน มีกำหนดการจัดพิธีฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 40 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อมิตรภาพที่ผูกสัมพันธ์ร่วมกันมาเป็นเวลายาวนาน ระหว่างไต้หวัน – เซนต์คิตส์และเนวิส ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางความร่วมมือระหว่างสองประเทศในเชิงลึก ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จึงได้มอบหมายให้นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นตัวแทนรัฐบาลและประชาชนชาวไต้หวัน นำคณะตัวแทนเดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับเซนต์คิตส์และเนวิส เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา
โดยปีนี้เป็นวาระครบรอบ 40 ปีที่ไต้หวัน – เซนต์คิตส์และเนวิส ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันอย่างเป็นทางการ ในระหว่างที่รมว.อู๋ฯ พำนักอยู่ในเซนต์คิตส์ นอกจากจะมีกำหนดการเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบการประกาศอิสรภาพของเซนต์คิตส์แล้ว ยังจะร่วมลงนามใน “ความตกลงทางความร่วมมือว่าด้วยการฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ทางการทูต ระหว่างไต้หวัน - เซนต์คิตส์” กับรัฐบาลเซนต์คิตส์ นอกจากนี้ ยังมีกำหนดการเข้าพบปะบุคคลสำคัญทางการเมืองของเซนต์คิตส์ ประกอบด้วย Mr. Marcella Liburd ผู้สำเร็จราชการเซนต์คิตส์และเนวิส Mr. Terrance Drew นายกรัฐมนตรีเซนต์คิตส์ Mr. Denzil Douglas รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเซนต์คิตส์ และ Mr. Mark Brantley ผู้ว่าการเกาะเนวิส เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นความสัมพันธ์ทางความร่วมมือแบบทวิภาคี และประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญร่วมกัน
ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ รมว.อู๋ฯ ยังมีกำหนดการเข้าพบปะ Mr. Philip J. Pierre นายกรัฐมนตรีเซนต์ลูเซีย และ Mr. Ralph Gonsalves นายกรัฐมนตรีเซนต์วินเซนต์ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือแบบทวิภาคี เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองฝ่ายให้เป็นไปในเชิงลึกต่อไป
ไต้หวัน – เซนต์คิตส์และเนวิส ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983 เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นไปอย่างแนบแน่นและมีเสถียรภาพ ตลอดที่ผ่านมา รัฐบาลเซนต์คิตส์ยึดมั่นในจุดยืนให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ อย่างหนักแน่นเสมอมา อันจะเห็นได้จากเมื่อวันที่ 4 เมษายนของปีนี้ รัฐสภาเซนต์คิตส์ได้ร่วมลงมติผ่านญัตติว่าด้วยการสนับสนุนให้ไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ ด้วยคะแนนเสียงที่เป็นเอกฉันท์ ซึ่งครอบคลุมองค์การระหว่างประเทศอย่างระบบสหประชาชาติ (UN) องค์การอนามัยโลก (WHO) กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (INTERPOL) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) แสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่สนับสนุนให้ไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ อย่างไม่แบ่งแยกฝักฝ่าย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ประสานความร่วมมือใกล้ชิดในด้านต่างๆ มากมาย มาเป็นเวลายาวนาน ทั้งการแพทย์ การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ การเสริมสร้างศักยภาพสตรี ความยืดหยุ่นด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นต้น ซึ่งบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่น่าพึงพอใจนานับประการ ตลอดจนสามารถสร้างความผาสุกให้แก่ประชาชนชาวเซนต์คิตส์โดยถ้วนหน้า