ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 21 ก.ย. 66
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวระหว่างให้การต้อนรับคณะตัวแทนที่นำโดย Ms. Michelle Lujan Grisham ผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโกว่า ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทางความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – รัฐนิวเม็กซิโก นับวันยิ่งเป็นไปในเชิงลึกมากขึ้น เมื่อปีที่แล้ว ไต้หวันได้ก้าวสู่การเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 และเป็นแหล่งนำเข้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของรัฐนิวเม็กซิโก ในอนาคต ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสีเขียว เชื่อว่าภายใต้ความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย รัฐนิวเม็กซิโกจะก้าวสู่การเป็นต้นแบบความร่วมมือในระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ได้ต่อไป โดยปธน.ไช่ฯ หวังว่า ทั้งสองฝ่าย จะสามารถจัดตั้งกลไกความร่วมมืออย่างรัดกุมในด้านเศรษฐกิจ การค้าและพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น เพื่อสร้างสรรค์การพัฒนาที่เจริญรุ่งเรืองให้แก่ทั้งไต้หวัน - สหรัฐฯ ในภายหน้าต่อไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ไต้หวัน – รัฐนิวเม็กซิโก มีความสัมพันธ์ทางความร่วมมือที่เป็นไปในเชิงลึกมาโดยตลอด ในปี 2018 ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ระหว่างประเทศระหว่างกัน” และ “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษา” หลังจากที่ Ms.Grisham ขึ้นดำรงตำแหน่งแล้ว นอกจากจะผลักดันให้รัฐนิวเม็กซิโก – ไต้หวัน ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า” ยังได้จัดตั้งสำนักงานตัวแทนขึ้นในไต้หวันอีกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการแลกเปลี่ยนในด้านต่างๆ แบบทวิภาคี ในปีที่แล้ว ไต้หวันได้ก้าวสู่การเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 และแหล่งนำเข้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของรัฐนิวเม็กซิโก
ในอนาคต อุตสาหกรรมเศรษฐกิจสีเขียวถือเป็นไฮไลท์ทางความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งมั่นดำเนินการในเชิงลึกเป็นลำดับต่อไป หลายปีมานี้ Ms. Grisham ได้มุ่งมั่นผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างกระตือรือร้น โดยอัตราส่วนของพลังงานหมุนเวียนในรัฐนิวเม็กซิโก ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19 ในปี 2018 มาเป็นร้อยละ 43 ในปี 2022
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ข้อได้เปรียบของรัฐนิวเม็กซิโกมีความหลากหลาย ทั้งในส่วนของระบบการคมนาคมที่สะดวกสบาย บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ และมาตรการสิทธิประโยชน์สำหรับการดึงดูดผู้ประกอบการที่รัฐบาลกำหนดขึ้น ซึ่งประสบความสำเร็จในการกระตุ้นความสนใจด้านการลงทุนของเหล่าผู้ประกอบการไต้หวัน ขณะนี้ มีผู้ประกอบการชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เตรียมวางแผนลงทุนจัดตั้งโรงงานในรัฐนิวเม็กซิโก ปธน.ไช่ฯ เชื่อว่า ภายใต้ความพยายามของทั้งสองฝ่าย จะสามารถผลักดันให้รัฐนิวเม็กซิโกก้าวขึ้นสู่การเป็นต้นแบบความร่วมมือในระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ในภายภาคหน้า
โยดปธน.ไช่ฯ ยังใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อ Ms.Grisham ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่นมาเป็นเวลายาวนาน อันจะเห็นได้จากก่อนหน้านี้ที่ Ms. Grisham ยังดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้มุ่งให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมใน “องค์การการบินระหว่างประเทศ” (ICAO) และให้การสนับสนุน “กฎหมายการเดินทางไต้หวัน” (Taiwan Travel Act) อย่างกระตือรือร้น ซึ่งในปัจจุบัน Ms.Grisham ก็ยังมุ่งส่งเสริมการพัฒนาทางความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม ในโอกาสที่ Ms.Grisham เดินทางเยือนไต้หวันครั้งนี้ นอกจากจะมีกำหนดการเข้าร่วมกิจกรรม “วันแห่งโอกาสธุรกิจสหรัฐฯ” แล้ว ยังได้เข้าเยี่ยมเยือนบรรดาผู้ประกอบการแนวหน้ามากมาย พร้อมทั้งเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐในประเด็นการสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีในเชิงลึกด้วย
ในลำดับต่อไป Ms.Grisham ได้กล่าวปราศรัย โดยขี้ว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา รัฐนิวเม็กซิโกและบริษัท Hota Industrial Mfg. Co., Ltd. ของไต้หวันได้ร่วมกันประกาศว่า ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งโรงงานขึ้นในพื้นที่ชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก โดยบริษัท Hota จะลงทุนเป็นเงินจำนวน 99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างโอกาสงานได้มากกว่า 350 ตำแหน่ง ในส่วนของรัฐนิวเม็กซิโก ก็จะอัดฉีดงบประมาณจำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในฐานะหุ้นส่วนความร่วมมือแบบทวิภาคี ผ่านกองทุนการสร้างโอกาสงานเช่นกัน
Ms.Grisham ระบุว่า โอกาสความร่วมมือเหล่านี้เป็นผลอันเนื่องมาจากรัฐนิวเม็กซิโกและพื้นที่พรมแดนเม็กซิโก มีศักยภาพทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เพื่อสร้างหลักประกันทางความเจริญรุ่งเรืองในการประสานความร่วมมือกับหุ้นส่วนระหว่างประเทศ รัฐนิวเม็กซิโกจึงได้ทุ่มงบประมาณจำนวนหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อก่อตั้งโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือซานตาเตเรซา โดยจะขยายพื้นที่ของท่าเรือแห่งนี้ให้มากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้รับการอนุมัติทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง
Ms.Grisham กล่าวอีกว่า เพื่อสร้างหลักประกันให้ผู้ประกอบการไต้หวันที่ร่วมลงทุนในรัฐนิวเม็กซิโก ได้มีโอกาสว่าจ้างแรงงานที่เปี่ยมด้วยคุณสมบัติครบถ้วนและผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว รัฐบาลของรัฐนิวเม็กซิโกจึงได้ประยุกต์ใช้แนวทางการปฏิบัติเชิงกลยุทธ์ ในการเสริมสร้างศักยภาพของแรงงานภายในรัฐ อาทิ การยกเว้นค่าธรรมเนียมทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษา การยกระดับมาตรฐานการศึกษาให้แก่ประชาชนในพื้นที่และการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เพื่อต้องการยกระดับการเข้าร่วมในตลาดแรงงานของประชาชนในพื้นที่
Ms.Grisham กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกภูมิใจที่รัฐนิวเม็กซิโก – ไต้หวันต่างยึดมั่นในค่านิยมที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งเห็นว่า เราควรให้ความสำคัญกับครอบครัว สตรี รวมถึงเด็ก – เยาวชน และตระหนักถึงความสำคัญในการเข้าร่วมตลาดแรงานของกลุ่มสตรี โดยรัฐนิวเม็กซิโกได้ทุ่มงบประมาณนับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และโรงเรียนอนุบาลที่จัดตั้งขึ้นในทุกเขตพื้นที่อย่างทั่วถึง รวมไปถึงการแจกจ่ายอาหารกลางวันของโรงเรียน ที่ผู้ปกครองไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ควบคู่ไปกับการจัดตั้งหน่วยงานสถาบันการศึกษา เพื่อยกระดับการรู้หนังสือของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ รัฐนิวเม็กซิโกยังคาดหวังที่จะสร้างหลักประกันการดูแลสุขภาพทางการแพทย์ ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ให้แก่ภาคประชาชน