ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับการเดินทางเยือนไต้หวันของ Ms. Michelle Lujan Grisham ผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโก และคณะ
2023-09-22
New Southbound Policy。ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับการเดินทางเยือนไต้หวันของ Ms. Michelle Lujan Grisham ผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโก และคณะ (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับการเดินทางเยือนไต้หวันของ Ms. Michelle Lujan Grisham ผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโก และคณะ (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 21 ก.ย. 66
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวระหว่างให้การต้อนรับคณะตัวแทนที่นำโดย Ms. Michelle Lujan Grisham ผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโกว่า ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทางความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – รัฐนิวเม็กซิโก นับวันยิ่งเป็นไปในเชิงลึกมากขึ้น เมื่อปีที่แล้ว ไต้หวันได้ก้าวสู่การเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 และเป็นแหล่งนำเข้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของรัฐนิวเม็กซิโก ในอนาคต ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสีเขียว เชื่อว่าภายใต้ความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย รัฐนิวเม็กซิโกจะก้าวสู่การเป็นต้นแบบความร่วมมือในระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ได้ต่อไป โดยปธน.ไช่ฯ หวังว่า ทั้งสองฝ่าย จะสามารถจัดตั้งกลไกความร่วมมืออย่างรัดกุมในด้านเศรษฐกิจ การค้าและพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น เพื่อสร้างสรรค์การพัฒนาที่เจริญรุ่งเรืองให้แก่ทั้งไต้หวัน - สหรัฐฯ ในภายหน้าต่อไป
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ไต้หวัน – รัฐนิวเม็กซิโก มีความสัมพันธ์ทางความร่วมมือที่เป็นไปในเชิงลึกมาโดยตลอด ในปี 2018 ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ระหว่างประเทศระหว่างกัน” และ “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษา” หลังจากที่ Ms.Grisham ขึ้นดำรงตำแหน่งแล้ว นอกจากจะผลักดันให้รัฐนิวเม็กซิโก – ไต้หวัน ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า” ยังได้จัดตั้งสำนักงานตัวแทนขึ้นในไต้หวันอีกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการแลกเปลี่ยนในด้านต่างๆ แบบทวิภาคี ในปีที่แล้ว ไต้หวันได้ก้าวสู่การเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 และแหล่งนำเข้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของรัฐนิวเม็กซิโก
 
ในอนาคต อุตสาหกรรมเศรษฐกิจสีเขียวถือเป็นไฮไลท์ทางความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งมั่นดำเนินการในเชิงลึกเป็นลำดับต่อไป หลายปีมานี้ Ms. Grisham ได้มุ่งมั่นผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างกระตือรือร้น โดยอัตราส่วนของพลังงานหมุนเวียนในรัฐนิวเม็กซิโก ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19 ในปี 2018 มาเป็นร้อยละ 43 ในปี 2022
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ข้อได้เปรียบของรัฐนิวเม็กซิโกมีความหลากหลาย ทั้งในส่วนของระบบการคมนาคมที่สะดวกสบาย บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ และมาตรการสิทธิประโยชน์สำหรับการดึงดูดผู้ประกอบการที่รัฐบาลกำหนดขึ้น ซึ่งประสบความสำเร็จในการกระตุ้นความสนใจด้านการลงทุนของเหล่าผู้ประกอบการไต้หวัน ขณะนี้ มีผู้ประกอบการชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เตรียมวางแผนลงทุนจัดตั้งโรงงานในรัฐนิวเม็กซิโก ปธน.ไช่ฯ เชื่อว่า ภายใต้ความพยายามของทั้งสองฝ่าย จะสามารถผลักดันให้รัฐนิวเม็กซิโกก้าวขึ้นสู่การเป็นต้นแบบความร่วมมือในระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ในภายภาคหน้า
 
โยดปธน.ไช่ฯ ยังใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อ Ms.Grisham ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่นมาเป็นเวลายาวนาน อันจะเห็นได้จากก่อนหน้านี้ที่ Ms. Grisham ยังดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้มุ่งให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมใน “องค์การการบินระหว่างประเทศ” (ICAO) และให้การสนับสนุน “กฎหมายการเดินทางไต้หวัน” (Taiwan Travel Act) อย่างกระตือรือร้น ซึ่งในปัจจุบัน Ms.Grisham ก็ยังมุ่งส่งเสริมการพัฒนาทางความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม ในโอกาสที่ Ms.Grisham เดินทางเยือนไต้หวันครั้งนี้  นอกจากจะมีกำหนดการเข้าร่วมกิจกรรม “วันแห่งโอกาสธุรกิจสหรัฐฯ” แล้ว ยังได้เข้าเยี่ยมเยือนบรรดาผู้ประกอบการแนวหน้ามากมาย พร้อมทั้งเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐในประเด็นการสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีในเชิงลึกด้วย
 
ในลำดับต่อไป Ms.Grisham ได้กล่าวปราศรัย โดยขี้ว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา รัฐนิวเม็กซิโกและบริษัท Hota Industrial Mfg. Co., Ltd. ของไต้หวันได้ร่วมกันประกาศว่า ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งโรงงานขึ้นในพื้นที่ชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก โดยบริษัท Hota จะลงทุนเป็นเงินจำนวน 99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างโอกาสงานได้มากกว่า 350 ตำแหน่ง ในส่วนของรัฐนิวเม็กซิโก ก็จะอัดฉีดงบประมาณจำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในฐานะหุ้นส่วนความร่วมมือแบบทวิภาคี ผ่านกองทุนการสร้างโอกาสงานเช่นกัน
 
Ms.Grisham ระบุว่า โอกาสความร่วมมือเหล่านี้เป็นผลอันเนื่องมาจากรัฐนิวเม็กซิโกและพื้นที่พรมแดนเม็กซิโก มีศักยภาพทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เพื่อสร้างหลักประกันทางความเจริญรุ่งเรืองในการประสานความร่วมมือกับหุ้นส่วนระหว่างประเทศ รัฐนิวเม็กซิโกจึงได้ทุ่มงบประมาณจำนวนหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อก่อตั้งโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือซานตาเตเรซา โดยจะขยายพื้นที่ของท่าเรือแห่งนี้ให้มากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้รับการอนุมัติทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง
 
Ms.Grisham กล่าวอีกว่า เพื่อสร้างหลักประกันให้ผู้ประกอบการไต้หวันที่ร่วมลงทุนในรัฐนิวเม็กซิโก ได้มีโอกาสว่าจ้างแรงงานที่เปี่ยมด้วยคุณสมบัติครบถ้วนและผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว รัฐบาลของรัฐนิวเม็กซิโกจึงได้ประยุกต์ใช้แนวทางการปฏิบัติเชิงกลยุทธ์ ในการเสริมสร้างศักยภาพของแรงงานภายในรัฐ อาทิ การยกเว้นค่าธรรมเนียมทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษา การยกระดับมาตรฐานการศึกษาให้แก่ประชาชนในพื้นที่และการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เพื่อต้องการยกระดับการเข้าร่วมในตลาดแรงงานของประชาชนในพื้นที่
 
Ms.Grisham กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกภูมิใจที่รัฐนิวเม็กซิโก – ไต้หวันต่างยึดมั่นในค่านิยมที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งเห็นว่า เราควรให้ความสำคัญกับครอบครัว สตรี รวมถึงเด็ก – เยาวชน และตระหนักถึงความสำคัญในการเข้าร่วมตลาดแรงานของกลุ่มสตรี โดยรัฐนิวเม็กซิโกได้ทุ่มงบประมาณนับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และโรงเรียนอนุบาลที่จัดตั้งขึ้นในทุกเขตพื้นที่อย่างทั่วถึง รวมไปถึงการแจกจ่ายอาหารกลางวันของโรงเรียน ที่ผู้ปกครองไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ควบคู่ไปกับการจัดตั้งหน่วยงานสถาบันการศึกษา เพื่อยกระดับการรู้หนังสือของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ รัฐนิวเม็กซิโกยังคาดหวังที่จะสร้างหลักประกันการดูแลสุขภาพทางการแพทย์ ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ให้แก่ภาคประชาชน