ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 28 ก.ย. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางเยือนนครเกาสงเพื่อเข้าร่วม “พิธีตั้งชื่อเรือและปล่อยเรือดำน้ำลำแรกที่ผลิตในไต้หวันลงน้ำ” เนื่องจากการผลิตเรือรบและเครื่องบินในไต้หวัน ถือเป็นนโยบายสำคัญของปธน.ไช่ฯ ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ เจ้าหน้าที่ได้คิดค้นวิจัยสร้างยุทโธปกรณ์เพื่อการป้องกันประเทศขึ้นในไต้หวันมากมาย อาทิ “เครื่องบินฝึกไอพ่นสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ T-5 Brave Eagle” ที่ในปัจจุบันได้มีการผลิตออกมาเป็นจำนวนกว่า 19 ลำแล้ว โดยที่เรือของกองทัพเรือและเรือลาดตระเวณหลายรุ่น ต่างก็ได้ถูกทยอยนำมาใช้งานเมื่อช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่เรือดำน้ำลำแรกที่ผลิตในไต้หวันได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ปธน.ไช่ฯ ย้ำว่า โครงการการสร้างเรือรบภายในประเทศของไต้หวัน ถือเป็นการเสริมสร้างแสนยานุภาพทางการทหารที่สำคัญในเขตพรมแดนน่านน้ำของไต้หวัน โดยปธน.ไช่ฯ หวังว่าในอนาคต ทั้งพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านจะยึดมั่นในแนวคิดด้านความมั่นคงของประเทศชาติเป็นหลัก ด้วยการสนับสนุนภารกิจการสร้างเรือดำน้ำอย่างต่อเนื่อง อย่างไม่แบ่งแยกฝักฝ่าย ควบคู่ไปกับการสนับสนุนอุตสาหกรรมกลาโหมของไต้หวัน เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันเปี่ยมด้วยศักยภาพในการปกป้องประเทศด้วยตนเอง ตลอดจนในด้านการแข่งขันระดับโลกในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ปธน.ไช่ฯ ได้ทำพิธีติดป้ายเรือดำน้ำที่มีนามว่า “Narwhal class Submarine” ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างหลักชัยใหม่ด้านการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองของไต้หวันแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นความฮึกเหิมของกองทัพเรือและพี่น้องทหารเรือ อีกทั้งยังเป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของประชาชนชาวไต้หวันอีกด้วย โดยในอนาคตเรือดำน้ำลำนี้จะทำหน้าที่ปกป้องความมั่นคงของประเทศชาติอย่างเงียบสงบในน่านน้ำทะเลลึก ด้วยจิตวิญญาณแห่งความทรหดและกล้าหาญของไต้หวัน เพื่อร่วมธำรงรักษาเสรีภาพและประชาธิปไตยของพวกเราให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
การกล่าวปราศรัยของปธน.ไช่ฯ ในครั้งนี้ มีสาระสำคัญที่สรุปได้โดยสังเขป ดังนี้
ที่ผ่านมา การผลิตเรือดำน้ำในไต้หวันถูกมองว่าเป็น “ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้” ในสายตาของคนส่วนมาก แต่ในวันนี้ เรือดำน้ำที่ออกแบบและผลิตโดยประชาชนในประเทศ ได้เผยโฉมต่อหน้าสาธารณชนแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นแล้วว่า พวกเราทำได้
เรือดำน้ำที่ผลิตในประเทศมิได้เป็นเพียงเป้าหมายเดียวของพวกเราเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางการปกป้องประเทศชาติอย่างหนักแน่นและเป็นรูปธรรม
เรือดำน้ำเป็นยุทโธปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการมุ่งพัฒนา “แสนยานุภาพที่ขาดความสมดุล” ในเชิงยุทธศาสตร์และการปฏิบัติการทางทหารของไต้หวัน อาวุธยุทโธปกรณ์ทางกลาโหมของพวกเรา นอกจากจะติดต่อขอซื้อจากประเทศภายนอกแล้ว พวกเรายังมุ่งพัฒนาศักยภาพทางกลาโหมด้วยการพึ่งพาตนเอง จึงจะสามารถเสริมสร้างให้แสนยานุภาพทางกลาโหมได้รับการพัฒนาให้เป็นไปในทิศทางที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมกลาโหมของพวกเรา เปี่ยมด้วยความทรหดมากยิ่งขึ้น
สิ่งเหล่านี้ล้วนมีความเกี่ยวพันกับความมั่นคงของประเทศชาติ แม้ว่าจะต้องแบกรับความเสี่ยงหรือความท้าทายที่ถาโถมเข้ามาเพียงใด ไต้หวันก็จำเป็นที่จะต้องก้าวเดินออกไปเป็นก้าวแรกให้ได้ เพื่อส่งเสริมให้นโยบายกลาโหมด้วยการพึ่งพาตนเอง ได้รับการพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองในผืนแผ่นดินของเราสืบต่อไป
การผลักดันอุตสาหกรรมกลาโหมแบบพึ่งพาตนเอง นอกจากจะเป็นการปกป้องความมั่นคงของประเทศชาติแล้ว ยังเป็นการพัฒนาให้อุตสาหกรรมก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ โครงการการผลิตเรือในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยและยกระดับศักยภาพทางการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ประสานความร่วมมือกัน ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์ให้ระบบห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมกลาโหมมีความครอบคลุมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพิ่อส่งเสริมให้การพัฒนาอุตสาหกรรมเรือในไต้หวัน ก้าวขึ้นไปสู่อีกระดับที่สูงขึ้น
การผลิตเรือดำน้ำเป็นภารกิจการต่อเรือที่ต้องยึดมั่นในมาตรฐานสูงสุด โดยเรือลำนี้เป็นเรือดำน้ำลำแรกที่ผลิตโดยไต้หวัน เปี่ยมด้วยความท้าทายขั้นสูงอย่างที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้ จึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อนายหวงสูกวง หัวหน้าคณะกรรมการ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการดังกล่าว รวมไปถึงนายเจิ้งเหวินหลง ประธานกรรมการบริหารบริษัทต่อเรือ CSBC Corporation, Taiwan ที่ได้แถลงรายงานอย่างละเอียดเมื่อครู่ที่ผ่านมา
เพื่อขานรับโครงการข้างต้น บริษัท CSBC Corporation, Taiwan ได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาเรือดำน้ำขึ้นในปี 2016 และได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) กับกระทรวงกลาโหมและสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติจงซานของกองทัพในปี 2017 และในปี 2019 ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง “อาคารไห่ชาง” ซึ่งก็คือสถานที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการดำเนินการมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ประชาชนในสังคมก็ยังคงมีความรู้สึกไม่แน่ใจต่อเรือดำน้ำที่ผลิตในประเทศ
อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นพิธีติดป้ายชื่อและนำเรือดำน้ำลงน้ำในครั้งนี้ พวกเราจะยังคงมุ่งมั่นบรรลุภารกิจการติดตั้งอุปกรณ์ ทำการทดสอบและทดลองเดินเรือ คาดว่าในปี 2025 ไต้หวันจะมีเรือดำน้ำที่เปี่ยมด้วยศักยภาพในการรับมือกับสงครามอย่างครอบคลุม ด้วยการอาศัยเรือดำน้ำลำนี้และเรือดำน้ำ Chien Lung-class submarine 2 ลำที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจในกองทัพเรือในปัจจุบัน