กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 1 พ.ย. 66
 
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่  Ms. Nuala McGovern พิธีกรรายการ Newshour ของบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ  (BBC World Service) โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่ในวันเดียวกัน ซึ่งได้รับความสนใจเป็นวงกว้างจากบุคคลในทุกวงการของอังกฤษและประชาคมโลก
 
เริ่มต้น รมว.อู๋ฯ ได้ชี้แจงขณะให้สัมภาษณ์ถึงนัยยะของการเดินทางเยือนไต้หวันในปี 2022 ของ Ms. Nancy Pelosi ที่ขณะนั้น ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ โดยรมว.อู๋ฯ ระบุว่า ที่ผ่านมา จีนไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะลิดรอนพื้นที่ในเวทีนานาชาติของไต้หวัน พร้อมทั้งขัดขวางการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศของไต้หวัน และยังพยายามแย่งชิงประเทศพันธมิตรของไต้หวัน เพราะฉะนั้นพลังการสนับสนุนไต้หวันจากประชาคมโลก จึงมีความสำคัญต่อพวกเราเป็นอย่างมาก หลังจากเหตุการณ์ของ Ms. Pelosi ผ่านไป รองประธานรัฐสภายุโรป ประธานสภาสาธารณรัฐเช็กและลิทัวเนีย ก็ทยอยนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวัน โดยมิตรสหายนานาชาติ ต่างส่งมอบพลังสนับสนุนผ่านการเดินทางเยือนไต้หวัน อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลและภาคประชาชนไต้หวันต่างรู้สึกยินดีและให้การต้อนรับด้วยใจจริง
 
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ในช่วงระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน ในสมัยต่างๆ ที่ผ่านมา จีนพยายามเข้ามามีอิทธิพลในการกำหนดทิศทางการลงคะแนนเสียงของประชาชนชาวไต้หวัน อย่างไรก็ตาม ประชาชนชาวไต้หวันต่างตระหนักดีว่า พวกเราจำเป็นต้องธำรงรักษาวิถีชีวิตรูปแบบประชาธิปไตยที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่สมควรให้จีนเข้าร่วมกำหนดผลการเลือกตั้งของไต้หวัน หากการแทรกแซงของจีนเป็นไปตามความคาดหวัง จีนอาจจะใช้วิธีการเช่นเดียวกันนี้กับประเทศอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ กลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกจึงควรตระหนักถึงการก้าวก่ายสถานการณ์การเลือกตั้งในไต้หวันของรัฐบาลจีน พร้อมทั้งแสดงจุดยืนว่าด้วยการต่อต้านพฤติกรรมของจีน ที่มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวัน
 
รมว.อู๋ฯ แถลงว่า ไต้หวันเฝ้าจับตาสถานการณ์ล่าสุดในยูเครนอย่างใกล้ชิด และรู้สึกเห็นใจต่อการที่ยูเครนถูกโจมตีจากประเทศลัทธิอำนาจนิยม สถานการณ์สงครามรัสเซีย – ยูเครน กระตุ้นให้ทั่วโลกตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่จีนจะเข้ารุกรานไต้หวันโดยไต้หวันได้รับข้อคิดจากสงครามรัสเซีย - ยูเครน รวม 3 ประการ ดังนี้ : (1) ความมุ่งมั่นตั้งใจในการธำรงปกป้องดินแดนประเทศชาติของชาวยูเครน เป็นที่น่ายกย่อง (2) การที่ยูเครนเลือกใช้ยุทธวิธีสงครามไร้สมมาตร  เป็นเรื่องที่ไต้หวันควรเรียนรู้ และ (3) พลังสนับสนุนจากประชาคมโลก มีความสำคัญมากยิ่ง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งมอบขวัญและกำลังใจให้ประชาชนที่ประสบกับภัยคุกคามรับรู้ว่า พวกเขาไม่โดดเดี่ยว
 
รมว.อู๋ฯ เผยว่า ขณะนี้ไต้หวันเร่งเสริมสร้างความร่วมมือกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างกระตือรือร้น ผ่านการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ การพัฒนาศักยภาพทางกลาโหม การมุ่งเสริมสร้างการปฏิรูปทางกลาโหม และการฝึกอบรมบุคลากร รวมไปถึงการวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ด้วยการพึ่งพาตนเอง เป็นต้น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันประเทศชาติอย่างรัดกุม
 
ในช่วงท้าย รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ประชาคมโลกควรตระหนักถึงความสำคัญของไต้หวันในเวทีโลก ไต้หวันเป็นประเทศแนวหน้าที่ต้องเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ และต้องประสบกับการโจมตีด้วยกลยุทธ์พื้นที่สีเทาจากจีน รวมไปถึงการแทรกแซงจากจีน หากไต้หวันตกอยู่ในภาวะวิกฤต ความมั่นคงของนานาประเทศทั่วโลกก็จะต้องประสบกับวิกฤตไม่ต่างกัน ประกอบกับช่องแคบไต้หวันเป็นเส้นทางเดินเรือที่มีความคึกคักมากที่สุดของโลก ปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบไต้หวันครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ของโลก อีกทั้งไต้หวันยังเป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ที่มีความทันสมัยระดับสากลที่สำคัญ หากเกิดสงครามขึ้นในช่องแคบไต้หวัน ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงมากกว่าสงครามรัสเซีย - ยูเครนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม สงครามช่องแคบไต้หวันมิได้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา และมิใช่ว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไต้หวันจึงต้องการพลังสนับสนุนจากประชาคมโลก เพื่อร่วมสกัดกั้นการโจมตีจากจีนอย่างมีประสิทธิภาพ