กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 10 ม.ค. 67
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่างชาติชี้แจงสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้ง โดยรมว.อู๋ฯ ได้วิเคราะห์แนวทางและรูปแบบการแทรกแซงการเลือกตั้งไต้หวันของจีน พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาคมโลกว่า จีนกำลังใช้ไต้หวันเป็นสนามทดลองในการแทรกแซงการเลือกตั้ง ตลอดจนเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันสกัดกั้นการรุกรานจากจีน
รมว.อู๋ฯ ได้รวบรวมกรณีตัวอย่างผลกระทบที่ไต้หวันได้รับจากจีนตลอดช่วงที่ผ่านมา เพื่อประกอบการชี้แจง โดยรมว.อู๋ฯ ระบุว่า จีนอาศัยการข่มขู่ด้วยกำลังทหาร การโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง การสร้างแรงจูงใจและการบีบบังคับทางเศรษฐกิจ สงครามไซเบอร์ ข่าวปลอมและสงครามจิตวิทยา ในการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างภาพลวงของการเลือกตั้งไต้หวันในครั้งนี้ว่า เป็นการเลือกระหว่างสงคราม - สันติภาพ หรือเลือกระหว่างความเจริญรุ่งเรือง – ความเสื่อมถอย รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ตลอดทั้งปี 2567 จะมีกำหนดการจัดการเลือกตั้งรูปแบบประชาธิปไตยขึ้นรวม 40 รายการ หากจีนประสบความสำเร็จในการเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งในไต้หวัน ในอนาคต จีนก็อาจจะประยุกต์ใช้ประสบการณ์เช่นเดียวกัน ในการเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งรูปแบบประชาธิปไตยในประเทศอื่นๆ ไต้หวันในฐานะประเทศที่ตั้งอยู่แนวหน้าในการรับมือกับการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนชาวไต้หวันจะยืนหยัดในการธำรงรักษาประชาธิปไตยอย่างหนักแน่น ควบคู่ไปกับการเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมสกัดกั้นการแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศประชาธิปไตยจากลัทธิอำนาจนิยมอย่างจีน ไปพร้อมกับไต้หวัน
รมว.อู๋ฯ ตอบข้อซักถามของสื่อ โดยระบุว่า ไต้หวันยึดมั่นในทัศนคติที่เปิดกว้างเสมอมา และพร้อมที่จะเปิดการเจรจาอย่างสันติกับจีน ภายใต้เงื่อนไขที่ปราศจากข้อจำกัดทางการเมือง แต่น่าเสียดายที่จีนยึดมั่นในจุดยืนของตนอย่างแข็งกร้าว และใช้กลยุทธ์สีเทาในการข่มขู่ไต้หวันอย่างต่อเนื่อง รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ไม่ว่าผลของการเลือกตั้งจะเป็นเช่นไร การธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ถือเป็นฉันทามติร่วมกันของสังคมไต้หวันและประชาคมโลกไปแล้ว โดยไต้หวันจะมุ่งปกป้องสถานภาพเดิมของช่องแคบไต้หวันด้วยวิธีการที่นุ่มนวลและรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างแสนยานุภาพการป้องกันประเทศด้วยตนเอง ตลอดจนประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศประชาธิปไตยในการร่วมสกัดกั้นการรุกรานจากจีน เพื่อธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค ให้คงอยู่ต่อไป
ต่อประเด็นผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ รมว.อู๋ฯ ตอบว่า ไต้หวันให้ความเคารพต่อกลไกการตลาดและการพัฒนาองค์กรของผู้ประกอบการอย่างอิสระมาโดยตลอด หลายปีมานี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ตลาดจีนมิใช่ฐานการลงทุนที่เปี่ยมด้วยแรงดึงดูดอีกต่อไป เหล่าผู้ประกอบการไต้หวันจำนวนมาก ต่างทยอยหันเหทิศทางการลงทุนไปยังประเทศอื่น ส่งผลให้ยอดการลงทุนของไต้หวันในจีน ลดลงจากเดิมในจุดสูงสุดที่ร้อยละ 80 มาสู่ร้อยละ 10 ของสัดส่วนการลงทุนจากต่างประเทศ ประกอบกับสัดส่วนการพึ่งพาทางเศรษฐกิจจากจีนของไต้หวันก็ลดลงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ไต้หวันยังได้ขยายและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้ากับนานาประเทศอย่างกระตือรือร้น โดยได้มีการขับเคลื่อนการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ผ่านการลงทุนและจัดตั้งโรงงาน ตลอดจนการลงนามความตกลงทางการค้าแบบทวิภาคีกับประเทศคู่ค้า
การเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวันเปี่ยมด้วยนัยของค่านิยมทางประชาธิปไตย ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ ทางกต.ไต้หวันได้อนุมัติให้ผู้สื่อข่าวต่างชาติประมาณ 400 คน จากสื่อ 150 กว่าราย ใน 30 ประเทศ รวมไปถึงผู้สื่อข่าวต่างชาติที่ประจำการในไต้หวัน เข้ามาทำข่าว สัมภาษณ์และเก็บบันทึกภาพบรรยากาศกันได้อย่างเสรี