ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 14 มี.ค. 67
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 มีนาคม ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม Chinese East Asia Economic ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น ครั้งที่ 51 โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ไต้หวัน – ญี่ปุ่น ได้มุ่งประสานความร่วมมือทางอุตสาหกรรมในรูปแบบที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันมาเป็นเวลายาวนาน บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co.,Ltd. (TSMC) ที่จัดตั้งโรงงานในเมืองคูมาโมโตะ ได้เปิดตัวขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว และยังมีผู้ประกอบการด้านการผลิตเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ด้านเซมิคอนดักเตอร์ญี่ปุ่น เลือกเข้ามาสร้างฐานธุรกิจในไต้หวัน ส่งผลให้มูลค่าการค้าแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น และมูลค่าการลงทุนสะสมในดินแดนของทั้งสองฝ่าย ขยายตัวขึ้นร้อยละ 26 และ 41 เมื่อเทียบกับปี 2559 ประกอบกับตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ ไต้หวันได้มุ่งมั่นยกระดับศักยภาพของประเทศและความทรหดทางเศรษฐกิจอย่างกระตือรือร้น จึงมีความพร้อมที่จะพัฒนาเคียงคู่ไปกับญี่ปุ่นและประเทศในภูมิภาค เพื่อจัดตั้งระบบห่วงโซ่อุปทานที่มีความมั่นคงและความทรหด โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศสมาชิกของ “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) โดยเร็ววัน ทั้งนี้ เพื่อจับมือกันพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองให้แก่โลกต่อไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า การประชุม Chinese East Asia Economic ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพ ถือเป็นเวทีการเจรจาที่สำคัญระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า มูลค่าการค้าแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น ทะลุ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2559 จะเห็นได้ว่าขยายตัวขึ้นร้อยละ 26 ส่วนมูลค่าการลงทุนสะสมระหว่างสองประเทศ ก็สูงถึง 38,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 ภายใต้พื้นฐานเหล่านี้ ไต้หวัน – ญี่ปุ่น นอกจากจะมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ระหว่างกันในเชิงลึกแล้ว ยังจะเร่งวิจัยและพัฒนารวมถึงประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ในด้านเทคโนโลยี AI การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและพลังงานสีเขียว เพื่อยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันระดับนานาชาติให้แก่กัน
ปธน.ไช่ฯ แถลงว่า ไต้หวัน – ญี่ปุ่น ต่างยึดมั่นในค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ และเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมายาวนาน ไม่ว่าจะภัยแผ่นดินไหวหรือในระหว่างสถานการณ์โรคโควิด – 19 พวกเราต่างยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือแก่ฝ่ายตรงข้ามทันทีที่ทราบข่าว เพื่อช่วยเหลือด้านการบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงการบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและการบริจาคเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น เพื่อสำแดงให้เห็นถึง “สปิริตแห่งมิตรภาพ” อันล้ำค่า ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ภาคเอกชนระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่นก็ได้ร่วมแลกเปลี่ยนกันอย่างคึกคัก ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ ตามตรอกซอกและท้องถนนในกรุงไทเป เราสามารถพบเห็นมิตรสหายชาวญี่ปุ่นเดินทางมาท่องเที่ยวในไต้หวันกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งญี่ปุ่นเองก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวไต้หวันนิยมแวะเวียนไปท่องเที่ยวด้วยเช่นเดียวกัน
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า มิตรภาพระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่นจะยังคงยืนหยัดมั่นคง ผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและอาหาร รวมไปถึงการประสานความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าในรูปแบบที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยปธน.ไช่ฯ หวังที่จะเห็นไต้หวัน - ญี่ปุ่น ร่วมก้าวสู่อีก 50 ปีข้างหน้าที่สดใสรุ่งโรจน์อย่างยั่งยืนสืบไป