ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่อิงเหวิน ให้การต้อนรับ Ms. Laura Rosenberger ประธานสถาบันอเมริกาในไต้หวัน (AIT)
2024-04-02
New Southbound Policy。ปธน.ไช่อิงเหวิน ให้การต้อนรับ Ms. Laura Rosenberger ประธานสถาบันอเมริกาในไต้หวัน (AIT) (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไช่อิงเหวิน ให้การต้อนรับ Ms. Laura Rosenberger ประธานสถาบันอเมริกาในไต้หวัน (AIT) (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 1 เม.ย. 67
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Ms. Laura Rosenberger ประธานสถาบันอเมริกาในไต้หวัน (AIT) โดยปธน.ไช่ฯ เห็นว่า ไต้หวัน - สหรัฐฯ มุ่งพัฒนาความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนอย่างครอบคลุมระหว่างกันอย่างต่อเนื่องเสมอมา พร้อมใช้โอกาสนี้ในการแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ สำหรับความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างกลไกความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ปธน.ไช่ฯ ยังชี้ว่า ไต้หวันจะประสานความร่วมมือกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองทั่วโลก นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายส่งเสริมการสร้างความร่วมมือในเชิงลึกทางด้านเศรษฐกิจ การค้า ความมั่นคงของระบบห่วงโซ่อุปทาน และความมั่นคงทางไซเบอร์ ร่วมกันต่อไป
 
ปธน.ไช่ฯ ย้อนรำลึกถึงช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากความตกลงฉบับแรก ภายใต้ “แผนริเริ่มทางการค้าไต้หวัน-สหรัฐฯ แห่งศตวรรษที่ 21” ได้เสร็จสิ้นการลงนามอย่างราบรื่น ทำให้เห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ได้ก้าวสู่หลักชัยใหม่อีกขั้นหนึ่ง นอกจากนี้ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายยังได้ร่วมลงนามใน “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนากิจการระหว่างประเทศ ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ” และการบัญญัติ “งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568” (The President’s FY 2025 Budget Request) เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายด้วย
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 45 ปีแห่งการบัญญัติ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ นับวันจะทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที ภายใต้การสนับสนุนของสมาชิกรัฐสภาแบบข้ามพรรคของสหรัฐฯ ในอนาคต เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างผกผัน ไต้หวันจะมุ่งประสานความร่วมมือกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เพื่อร่วมปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ควบคู่ไปกับการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของทั่วโลก ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
 
Ms. Rosenberger กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ถูกยกระดับขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไปในไต้หวันที่จัดขึ้นเมื่อช่วงที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งมั่นยกระดับความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างกันตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนระหว่างภาคประชาชน
 
Ms. Rosenberger ชี้ว่า ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ บังเกิดผลสัมฤทธิ์นานาประการตลอดช่วงที่ผ่านมา เฉกเช่นเดียวกับที่ปธน.ไช่ฯ กล่าวไว้ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนากิจการระหว่างประเทศ” ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ส่งผลให้กองทุนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของไต้หวัน (Taiwan ICDF) และสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (DFC) สามารถประสานความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกันในทุกพื้นที่ทั่วทุกมุมโลกได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การประชุมเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูง ครั้งที่ 4 ภายใต้ “แผนข้อเสนอด้านการศึกษา ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ” ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยังได้แสดงจุดยืนที่ว่า ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาระดับนานาชาติในเชิงลึก โดยเฉพาะด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษและภาษาจีนกลาง
 
นอกจากนี้ Ms. Rosenberger ยังชี้อีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเราได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นการเสริมสร้างรากฐานประชาธิปไตยในระดับภูมิภาค และการเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านการปกครอง ในระหว่าง “การประชุมด้านการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ครั้งที่ 4” นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังให้การยอมรับต่อไต้หวันในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดประชาธิปไตย (Summit for Democracy) ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ด้วย
 
Ms. Rosenberger เห็นว่า ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ยังคงเพิ่มความแนบแน่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานนโยบายทางการค้าที่รัฐบาลโจ ไบเดน ประกาศเมื่อเดือนมี.ค. 2567 ก็มุ่งเน้นไปที่ “แผนริเริ่มทางการค้าไต้หวัน-สหรัฐฯ แห่งศตวรรษที่ 21” และการแก้ไขปัญหาการเก็บภาษีซ้ำซ้อน อันถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะทำการแก้ไขร่วมกัน นอกจากนี้ ไต้หวัน - สหรัฐฯ ก็ยังมุ่งมั่นเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ภายใต้ “กรอบความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนทางเทคโนโลยี” (TTIC)  
 
Ms. Rosenberger ยังย้ำว่า สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน มีส่วนเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ร่วมกันของไต้หวัน - สหรัฐฯ คำมั่นที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ไว้แก่ไต้หวัน แข็งแกร่งดุจหินผา ซึ่งนอกจากจะเชื่อถือได้แล้ว ยังเป็นฉันทามติร่วมกันแบบข้ามพรรค จึงคาดหวังที่จะเห็นไต้หวันมุ่งรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบันให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
 
Ms. Rosenberger กล่าวด้วยว่า “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” เน้นย้ำว่า สหรัฐฯ จำเป็นต้องสร้างหลักประกันด้านการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองให้แก่ไต้หวัน โดย Ms. Rosenberger รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่เห็นไต้หวันมุ่งส่งเสริมมาตรการต่างๆ เพื่อยกระดับแสนยานุภาพด้านการป้องกันประเทศด้วยตนเอง ซึ่งรวมไปถึงการมุ่งมั่นทุ่มเทในภารกิจการป้องกันประเทศโดยภาคประชาชน