ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 14 พ.ค. 67
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “พิธีเปิดการประชุมความมั่นคงทางไซเบอร์ไต้หวัน ประจำปี 2567” โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ไต้หวันในฐานะที่เป็นประเทศแนวหน้าด้านประชาธิปไตย พวกเรายึดมั่นในหลักการ “ความมั่นคงทางไซเบอร์คือความมั่นคงแห่งชาติ” เมื่อต้องเผชิญกับการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการและภัยคุกคามด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ที่มีความสลับซับซ้อน ทั้งนี้เพื่อจัดตั้งกลไกการป้องกัน ควบคู่ไปกับการมุ่งเสริมสร้างศักยภาพการวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงการบ่มเพาะบุคลากร และยกระดับความยืดหยุ่นทางเทคโนโลยีดิจิทัลระดับชาติ หลายปีมานี้ ไต้หวันได้มุ่งสู่เวทีประชาคมโลกอย่างกระตือรือร้น ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เชื่อว่าการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างแนบแน่น จะสามารถส่งเสริมให้ภาครัฐ ภาควิชาการและภาคอุตสาหกรรม มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกันในเชิงลึก เพื่อการจัดตั้งระบบการคุ้มครองความมั่นคงทางไซเบอร์ระดับสากล
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 10 ปีของการประชุมความมั่นคงทางไซเบอร์ในไต้หวัน ปธน.ไช่ฯ รู้สึกยินดีที่ได้เข้าร่วมการประชุมความมั่นคงทางไซเบอร์ที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 ปี ในช่วงเริ่มต้นของการกล่าวปราศรัย ปธน.ไช่ฯ ได้แสดงความยินดีกับ iThome หน่วยงานเจ้าภาพที่มุ่งจัดตั้งกลไกการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมความมั่นคงทางไซเบอร์ และขยายขอบเขตแพลตฟอร์มความเชี่ยวชาญทางโอกาสธุรกิจ มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพความมั่นคงทางไซเบอร์ของไต้หวันให้เกิดความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า การประชุมความมั่นคงทางไซเบอร์ในปีนี้ จัดขึ้นยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ “Generative Future” ซึ่งได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์จากนานาประเทศ ร่วมจัดเวทีการแสดงปาฐกถาขึ้นรวม 300 รอบ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินงาน และเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน โดยคูหาความมั่นคงทางไซเบอร์ของไต้หวันในปีนี้ ได้รวบรวมผลสัมฤทธิ์ด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ เพื่อนำเสนอให้ประชาคมโลกประจักษ์ถึงศักยภาพอันแกร่งกล้าของไต้หวัน
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เพื่อยกระดับศักยภาพความมั่นคงทางไซเบอร์ หลายปีมานี้ พวกเรานอกจากจะจัดตั้ง “กระทรวงพัฒนาดิจิทัล” แล้ว ยังได้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศชาติในภาพรวม ควบคู่ไปกับการผนึกกพลังของทุกหน่วยงาน ร่วมผลักดัน “ยุทธศาสตร์ 6 อุตสาหกรรมหลัก” เพื่อเป็นการอัดฉีดทรัพยากรการพัฒนาอุตสาหกรรมความมั่นคงทางไซเบอร์ของไต้หวันอย่างเต็มกำลัง ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันสามารถจับกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลโลกได้อย่างทันท่วงที และครองตำแหน่งสำคัญในระบบห่วงโซ่อุปทานโลกได้อย่างต่อเนื่อง
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า พวกเรานอกจากจะดำเนินการแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมทางอุตสาหกรรม ด้วยการกำหนดให้สินค้าและบริการความมั่นคงทางไซเบอร์ เป็นรายการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแล้ว ยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการคิดค้นวิจัยแนวทางการยกระดับเทคโนโลยีการป้องกันและปราบปรามที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางไซเบอร์ นอกจากนี้ กองทุนพัฒนาแห่งชาติไต้หวันยังได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 3,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เพื่อสร้างฐานประกอบการทางอุตสาหกรรมความมั่นคงทางไซเบอร์ของไต้หวัน ซึ่งภายใต้การขับเคลื่อนของนโยบายเหล่านี้ ส่งผลให้เมื่อปีที่แล้วมูลค่าการผลิตความมั่นคงทางไซเบอร์ของไต้หวัน สูงกว่า 74,400 ล้านเหรียญไต้หวัน มุ่งสู่เป้าหมาย 80,000 เหรียญไต้หวัน ภายในปี 2568