ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 29 พ.ค. 67
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนสมาชิกรัฐสภาแบบข้ามพรรคที่นำโดย Ms. Tammy Duckworth สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อเหล่าอาคันตุกะที่ร่วมอุทิศคุณประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ในเชิงลึก ภายใต้การสนับสนุนของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น “กฎหมายการป้องกันประเทศ (National Defense Authorization Act, NDAA)” หรือ “กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณเพื่อความมั่นคงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก” ต่างก็มีการบรรจุแผนข้อเสนอและแผนปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือทางทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันเข้าไว้ในนั้น ปธน.ไล่ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันจะทำหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนสันติภาพโลก ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในประชาคมโลก โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ไต้หวัน - สหรัฐฯ จะอุทิศคุณประโยชน์ในด้านการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น ผ่านการประสานความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างกันอย่างแนบแน่นต่อไป
ปธน.ไล่ฯ แถลงว่า การเดินทางมาเยือนของคณะตัวแทนในครั้งนี้ ยิ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างสองประเทศที่มีความแข็งแกร่ง เมื่อเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด พวกเราจำเป็นต้องเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน เมื่อเผชิญกับการขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ พวกเราก็จำเป็นต้องจับมือกันไว้อย่างมั่นคง การแลกเปลี่ยนในทุกภาคส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ดำเนินไปในทิศทางเชิงลึกและเชิงกว้างมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยในปัจจุบัน พวกเราก็ยังคงมุ่งรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการแพร่กระจายของข่าวปลอม ทั้งนี้ เพื่อมุ่งมั่นธำรงรักษาค่านิยมด้านประชาธิปไตย ให้คงอยู่ต่อไป
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า เฉกเช่นเดียวกันกับสุนทรพจน์เนื่องในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของข้าพเจ้าที่ว่า ไต้หวันเป็นผู้ขับเคลื่อนสันติภาพโลก ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในระดับสากล ในอนาคต พวกเราจะมุ่งธำรงรักษาประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้แสงแห่งประชาธิปไตยส่องสว่างไปทั่วปฐพี โดยปธน.ไล่ฯคาดหวังว่า รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯจะ ให้การสนับสนุนรัฐบาลชุดใหม่ของไต้หวันอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองฝ่ายจะมุ่งมั่นอุทิศคุณประโยชน์ ในการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น ผ่านกลไกความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างกันต่อไป
Ms.Duckworth กล่าวขณะปราศรัยว่า หลายปีมานี้ เธอได้ประสานความร่วมมือกับเพื่อนร่วมแวดวงทางการเมืองที่อยู่คนละซีกโลก เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของภาคประชาชนทั้งสองประเทศ และสร้างหลักประกันในการส่งมอบวัคซีนให้ไต้หวัน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างสัมพันธไมตรีอันดีที่มีต่อกันมาอย่างยาวนาน
Ms.Duckworth กล่าวเพิ่มเติมว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ยังครอบคลุมไปถึงโครงการความร่วมมือทางการศึกษา และการเดินทางเยือนระหว่างกันของกลุ่มนักวิชาการ โดยในจำนวนนี้ ยังรวมไปถึงการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกรมเรียกกำลังพลสำรองป้องกันประเทศ (All-Out Defense Mobilization Agency , AODMA) กระทรวงกลาโหมไต้หวัน และกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิสหรัฐฯ นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังได้มุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าเชิงลึก ทั้งในกระบวนการผลิตแผ่นชิปวงจรรวมและการลงทุนด้านการเกษตร เป็นต้น ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ได้ก้าวข้ามกรอบจำกัดในทุกภาคส่วน จึงเป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดมิตรภาพระหว่างสองประเทศจึงมีความมั่นคงแข็งแกร่ง และเปี่ยมด้วยเสถียรภาพยาวนานมาตราบจนปัจจุบัน
Ms.Duckworth กล่าวว่า เพื่อแสดงจุดยืนอันแน่วแน่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มุ่งแสวงหาสันติภาพและเสถียรภาพ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ Ms.Duckworth จึงได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน “กฎหมายว่าด้วยการยืนหยัดเคียงข้างไต้หวัน” (STAND with Taiwan Act) ที่ยื่นเสนอโดย Mr. Dan Sullivan สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในฐานะสมาชิกวุฒิสภาคนแรกจากพรรคเดโมแครต ตลอดจน และยังหวังว่า Mr. Sullivan จะเสนอร่างกฎหมายฉบับข้างต้น หลังจากที่เดินทางกลับสู่ประเทศ
Mr. Sullivan กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการเดินทางมาเยือนไต้หวันของคณะตัวแทนในครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดยืนว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งดุจหินผา และการสนับสนุนที่เปี่ยมด้วยหลักการและถือเป็นฉันทามติร่วมกันของทั้งสองพรรคการเมือง โดยการสนับสนุนเช่นนี้ ได้รับการสืบสานให้คงอยู่ในสหรัฐฯ มาเป็นเวลากว่า 75 ปีแล้ว และจะยังคงดำเนินต่อไปในอีก 75 ปีข้างหน้าด้วยเช่นกัน
Mr. Sullivan ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ยึดมั่นในหลักนิติธรรมเช่นเดียวกันกับไต้หวัน คำมั่นที่พวกเขามีต่อไต้หวันเผยให้เห็นเด่นชัดใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” โดยในกฎหมายฉบับนี้ รัฐสภาสหรัฐฯ ได้ประกาศชัดแจ้งว่า การกระทำใดๆที่เป็นการข่มขู่ไต้หวันด้วยกำลังทหาร จะถูกกำหนดให้เป็นประเด็นปัญหาช่องแคบไต้หวันที่สหรัฐฯ จะเฝ้าจับตาให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยกฎหมายฉบับนี้ยังได้ให้คำมั่นว่า สหรัฐฯ จะส่งมอบกลไกการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองให้แก่ไต้หวันอย่างสม่ำเสมอ โดยที่สหรัฐฯ ก็จะมุ่งเสริมสร้างศักยภาพทางกลาโหมของตนเอง เพื่อให้ความช่วยเหลือไต้หวันในการสกัดกั้นภัยคุกคาม ควบคู่ไปด้วยเช่นกัน