ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 20 มิ.ย. 67
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมในพิธีเปิด “การประชุมนานาชาติด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 23” (International Conference on Emergency Medicine, ICEM 2024) พร้อมกล่าวว่า เป้าหมายของรัฐบาลชุดใหม่คือการสร้างสรรค์ “ไต้หวันสุขภาพดี” โดยมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างศักยภาพทางการแพทย์และสาธารณสุขของไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างเสริมสุขภาพของภาคประชาชน ตลอดจนสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประชาคมโลก พร้อมนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังย้ำว่า เครือข่ายการป้องกันโรคระบาดเป็นประเด็นที่นานาประเทศทั่วโลกต้องเข้ามามีส่วนร่วม หากขาดประเทศใดประเทศหนึ่งไป จะไม่เกิดผลดีต่อประชาคมโลก จึงขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันร่วมอุทิศคุณประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นในระบบสาธารณสุขโลกต่อไป
ปธน.ไล่ฯ กล่าวปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษว่า การประชุมในครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วม เป็นจำนวนกว่า 2,500 คน ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเวชศาสตร์ฉุกเฉินแล้ว ยังเป็นสัญญลักษณ์ของการประสานความร่วมมือทางการแพทย์ระดับสากลอีกด้วย
ปธน.ไล่ฯ กล่าวด้วยว่า การประชุม ICEM ในปีนี้ ยังถือเป็นวาระครบรอบ 30 ปีแห่งการจัดตั้งสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งไต้หวัน ปธน.ไล่ฯ เชื่อว่า ทุกคนที่มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ ล้วนมีแนวคิดคล้ายคลึงกันคือ “สุขภาพคือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” และเชื่อว่า บุคลากรด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถขาดไปได้ ในการบรรลุเป้าหมายของสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน หัวข้อการประชุม ICEM ปีนี้ คือ “เวชศาสตร์ฉุกเฉินจากโลกสู่ท้องถิ่น : ภูมิปัญญาแห่งโลกและวิธีแก้ปัญหาระดับท้องถิ่น” (Glocalization of Emergency Medicine: Global Wisdom and Local Solution) มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการพัฒนาเวชศาสตร์ฉุกเฉินระดับสากล ผ่านกลยุทธ์ทางการแพทย์เชิงคลินิก ระบบสาธารณสุขและระบบอัจฉริยะ เป็นต้น โดยในไต้หวัน พวกเราได้สร้างผลสัมฤทธิ์ด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ตั้งแต่ขั้นตอนการดูแลบาดแผลด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ไปจนถึงแผนกลยุทธ์การปรับตัวต่อภัยพิบัติที่ทันสมัย โดยพวกเราได้มุ่งมั่นฝึกอบรมบุคลากรทางเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน ควบคู่ไปกับการวิจัยและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ที่ทันสมัย
ปธน.ไล่ฯ คาดหวังที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของไต้หวัน ผ่านการประชุมในครั้งนี้ และซึมซับประสบการณ์จากนานาประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางเวชศาสตร์ฉุกเฉินในระดับโลก
ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า “ไต้หวันสุขภาพดี” ยังเป็นการบ่งชี้ให้เห็นถึงอุตสาหกรรมการแพทย์ที่มีการพัฒนาที่รุดหน้า และการให้บริการทางการแพทย์ที่หลากหลายและเปี่ยมด้วยคุณภาพ
ปธน.ไล่ฯ กล่าวอีกว่า สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินนานาชาติ (IFEM) ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ประการหนึ่งเสมอมา ซึ่งก็คือหวังที่จะสร้างโลกที่ทุกคนสามารถได้รับบริการเวชศาสตร์ฉุกเฉินที่มีคุณภาพสูง โดยปธน.ไล่ฯ ย้ำว่า ไต้หวันจะก้าวเดินเคียงข้างทุกประเทศทั่วโลกในการสร้างพันธกิจนี้ให้เป็นความจริง เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายร่วมกัน