ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 24 มิ.ย. 67
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ เพื่อให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติแก่ Mr. Terrance Drew นายกรัฐมนตรีเซนต์คิดส์และเนวิส พร้อมด้วยภริยา โดยปธน.ไล่ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายมุ่งผลักดันโครงการความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อสรรสร้างสวัสดิการและความผาสุกให้แก่ประชาชนของทั้งสองฝ่ายต่อไป
ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า ไต้หวัน – เซนต์คิดส์และเนวิส ต่างยึดมั่นในค่านิยมด้านประชิปไตยและสิทธิมนุษยชนร่วมกัน หลายปีมานี้ ทั้งสองฝ่ายมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันในเชิงลึก ควบคู่ไปกับการประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ ซึ่งบังเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นจำนวนมาก ปธน.ไล่ฯ ยังถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อนรม. Drew ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันบนเวทีนานาชาติ แสดงให้เห็นถึงพลังสนับสนุนอย่างหนักแน่นที่มีต่อไต้หวัน
นรม. Drew กล่าวว่า วัตถุประสงค์สำคัญของการเดินทางเยือนไต้หวันของคณะตัวแทนในครั้งนี้ ก็เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ดำเนินมานานกว่า 40 ปี ควบคู่ไปกับการขยายความสัมพันธ์ทางความร่วมมือแบบทวิภาคี โดยพวกเราจะร่วมขจัดอุปสรรคในการพัฒนาประเทศด้วยแนวทางที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ บนพื้นฐานทางความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนที่มีอยู่เดิมต่อไป
นรม. Drew กล่าวอีกว่า เนื่องจากเซนต์คิดส์มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่จำกัด ประชากรจึงถือเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของเซนต์คิดส์ ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงขอบคุณรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่ส่งมอบความช่วยเหลือด้านการบ่มเพาะบุคลากรให้แก่เซนต์คิดส์ นอกจากนี้ นรม. Drew ยังขอขอบคุณไต้หวันสำหรับความช่วยเหลือในกิจการต่างๆ ทั้งการเกษตร ระบบประกันสุขภาพทางการแพทย์ โครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณูปโภค เทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสาร และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ในฐานะที่พวกเราเป็นมิตรสหายของไต้หวัน รัฐบาลเซนต์คิดส์จะแสดงบทบาทที่สำคัญในเวทีระดับโลก เพื่อผลักดันค่านิยมและหลักการที่ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นร่วมกันให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาคมโลกต่อไป
นรม. Drew กล่าวด้วยว่า ไต้หวันเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังสร้างคุณูปการมากมายให้แก่โลก ทั้งในการรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การลดบรรเทาภัยพิบัติ การเตรียมความพร้อมทางเสบียงอาหาร ความมั่นคงในการดำรงชีพและการพัฒนาเมือง เป็นต้น รัฐบาลเซนต์คิดส์เชื่อว่า ไต้หวันมีบทบาทที่สำคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองของเศรษฐกิจโลก โดยพวกเราจะมุ่งผลักดันค่านิยมร่วมในด้านประชาธิปไตย ธรรมาภิบาลที่ดี สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม ให้คงอยู่สืบต่อไป
หลังเสร็จสิ้นพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ในช่วงเช้าของวันเดียวกันนั้น ปธน.ไล่ฯ และรองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉิน ยังได้ร่วมเจรจาหารือกับนรม. Drew เริ่มต้นด้วยการที่ปธน.ไล่ฯ แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลเซนต์คิดส์ ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศอย่างเต็มที่เสมอมา โดยปธน.ไล่ฯ หวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ต่อไปในอนาคต ทั้งการแพทย์ สาธารณสุข เทคโนโลยีการเกษตรและการส่งเสริมศักยภาพสตรี เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อร่วมสรรสร้างอนาคตที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า นรม. Drew สำเร็จการศึกษาด้านแพทยศาสตรบัณฑิตเช่นเดียวกับตน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นการประสานความร่วมมือในการพัฒนาความร่วมมือทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อส่งเสริมสวัสดิการและความผาสุกให้แก่ประชาชนทั้งสองฝ่ายต่อไป
นรม. Drew เห็นว่า บริษัท Overseas Investment & Development Corp. (OECC) เป็นบริษัทก่อสร้างที่สำคัญของไต้หวัน และเป็นความเชื่อมโยงที่สำคัญทางความร่วมมือแบบทวิภาคีและการสนับสนุนระหว่างกันของทั้งสองฝ่าย นรม. Drew จึงใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน อดีตผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่ให้สนับสนุนต่อโครงการข้างต้นอย่างเต็มกำลัง เชื่อว่า ภายใต้การนำของ ปธน.ไล่ฯ โครงการข้างต้นนี้จะได้รับการพัฒนาให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น
นอกจากด้านการแพทย์แล้ว ทั้งสองฝ่ายยังร่วมผลักดันความร่วมมือทางการศึกษา พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีกันอย่างต่อเนื่อง โดยไต้หวันมุ่งให้ความช่วยเหลือแก่เซนต์คิดส์ฯ ในการบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศเกาะที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน การที่พลังงานโซลาร์เซลล์ในเซนต์คิดส์ฯ ขยายตัวเติบโตอย่างเห็นได้ชัด สามารถตอบสนองต่อการใช้พลังไฟฟ้าภายในประเทศ อันเป็นการสอดคล้องต่อคำมั่นด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของเซนต์คิดส์ฯ ด้วย
นรม. Drew ยังเห็นว่า การศึกษาและการแพทย์เป็นแกนหลักสำคัญทางความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย รัฐบาลเซนต์คิดส์ฯ ขอขอบคุณสำหรับทุนการศึกษาและโครงการฝึกอบรมที่ไต้หวันส่งมอบให้ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนชาวเซนต์คิดส์ฯ ได้รับการศึกษาระดับสูงและการฝึกอบรมทางวิชาชีพ ซึ่งโอกาสเหล่านี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศของเซนต์คิดส์ฯ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการบ่มเพาะบุคลาการ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญของเซนต์คิดส์ฯ
หลังเสร็จสิ้นการหารือ ปธน.ไล่ฯ พร้อมด้วยรองปธน.เซียวฯ ยังได้เชิญคณะตัวแทนที่นำโดยนรม. Drew เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรอง โดยปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ไต้หวัน – เซนต์คิดส์ฯ ต่างก็มีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ในงานเลี้ยงครั้งนี้ จึงได้จัดเตรียมเมนูอาหารที่จะทำให้เหล่าอาคันตุกะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมอาหารที่มีชื่อเสียงของไต้หวัน
นรม. Drew กล่าวว่า นอกจากงานเลี้ยงรับรองในครั้งนี้ จะเป็นการฉลองความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานแล้ว ยังเป็นการฉลองการถือกำเนิดของผู้นำไต้หวันคนใหม่ ที่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยภาคประชาชน นรม. Drew จึงใช้โอกาสนี้ร่วมแสดงความยินดีกับปธน.ไล่ฯ ที่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) คนที่ 8 ซึ่งศักยภาพความเป็นผู้นำของปธน.ไล่ฯ และวิสัยทัศน์ของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) จะช่วยส่งเสริมให้ไต้หวันก้าวสู่อนาคตที่สดใส นอกจากนี้ นรม. Drew ยังขอแสดงความยินดีกับอดีตปธน.ไช่ฯ ที่ในวาระตำแหน่งของท่าน เศรษฐกิจและสังคมของไต้หวันต่างมีการพัฒนาที่ดีเยี่ยม และสามารถก้าวข้ามความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์โรคระบาดได้อย่างยืดหยุ่นและแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงประเด็นความท้าทายจากประเทศภายนอก
นรม. Drew ยังชี้ว่า รัฐบาลเซนต์คิดส์ฯ ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์แบบทวิภาคี ระหว่างสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) - เซนต์คิดส์และเนวิส หลังจากปี พ.ศ. 2526 ที่เซนต์คิดส์ฯ ประกาศอิสรภาพจากการครอบครองของรัฐบาลอังกฤษได้ไม่นาน ก็ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ตลอดระยะเวลา 40 ปีมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและมีความหมาย บนพื้นฐานความเป็นจริงและกลไกความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม
นรม. Drew ยังชี้อีกว่า ในระหว่างการเจรจาหารือกับปธน.ไล่ฯ และรองปธน.เซียวฯ ในครั้งนี้ ยังได้มีการหารือกันในประเด็นที่เกี่ยวกับแผนแม่บทสำคัญของการพัฒนาทางเศรษฐกิจในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งครอบคลุมในส่วนของการลงทุนทางทรัพยากรที่สำคัญอย่างบุคลากร ควบคู่ไปกับการเฝ้าจับตาต่อประเด็นความมั่นคงทางอาหาร ผ่านความหลากหลายทางการเกษตร และโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ อีกทั้งยังตระหนักดีว่า สุขภาพของประชาชนมีความเกี่ยวพันโดยตรงกับทรัพยากรของประเทศ นอกจากนี้ การพัฒนาประเทศจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การพัฒนาต่างๆ จึงไม่ควรสร้างอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและความอยู่รอดของมนุษย์