กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 25 มิ.ย.67
ต่อกรณีที่รัฐบาลจีนได้ประกาศ “บทลงโทษบุคคลที่สร้างความแตกแยกและสนับสนุนเอกราชไต้หวัน” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ตามเวลาเขตตะวันออกของสหรัฐฯ Mr. Matthew Miller โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้แสดงจุดยืนในระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยประณามพฤติกรรมของจีนที่เป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพและทวีความตึงเครียดของสถานการณ์ในภูมิภาค โดย Mr. Miller เรียกร้องให้จีนยุติการกระทำใดๆ ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบัน พร้อมระบุว่า การรุกรานและนิติสงครามไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันได้อย่างสันติ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐของจีน - ไต้หวัน หันหน้ามาเจรจากัน กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รู้สึกยินดีและขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ร่วมประณามพฤติกรรมของจีนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิม และบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ด้วยนิติสงครามและพฤติกรรมคุกคาม
หลายปีมานี้ รัฐบาลจีนได้ก่อนิติสงคราม สงครามจิตวิทยาและสร้างแรงกดดันผ่านกลยุทธ์พื้นที่สีเทา บนเวทีประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจงใจปิดกั้นประชาธิปไตยและเสรีภาพของไต้หวัน ผ่าน “บทลงโทษบุคคลที่สร้างความแตกแยกและสนับสนุนเอกราชไต้หวัน” หรือเรียกย่อว่า “บทลงโทษผู้สนับสนุนเอกราชไต้หวัน 22 รายการ” เป็นการบิดเบือนและตีความข้อเท็จจริงของญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 ในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง เพื่อจำกัดพื้นที่ในเวทีนานาชาติของไต้หวัน หรือแม้แต่การแผ่ขยายอิทธิพลในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการสร้างความท้าทายต่อสถานภาพเดิมในปัจจุบัน สำแดงอำนาจบาตรใหญ่ของตนเอง พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนได้รับการจับตามองและการประณามจากประชาคมโลก ในฐานะที่ไต้หวันเป็นประเทศสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมโลก พวกเราจะมุ่งประสานความร่วมมือกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เพื่อสำแดงให้จีนและรัฐบาลเผด็จการ ประจักษ์ว่าประชาคมโลกจะไม่ยอมให้มีการตั้งเงื่อนไข เพื่อสนองผลประโยชน์แก่ตนเพียงฝ่ายเดียว อีกทั้งจะสร้างหลักประกันทางสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค ด้วยการร่วมกันธำรงรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานกฎกติกาสากล
กต.ไต้หวันเน้นย้ำว่า ประชาชนชาวไต้หวันสามารถดำเนินชีวิตในรูปแบบเสรีภาพ ประชาธิปไตยและสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายหรือกฎระเบียบที่รัฐบาลจีนยกมากล่าวอ้าง ไม่สามารถสร้างกรอบจำกัดต่อประชาชนชาวไต้หวันได้ อีกทั้งยังไม่มีผลบังคับใช้หรือมีผลย้อนหลังในทางอาญาต่อประชาชนชาวไต้หวันแบบข้ามแดนแต่อย่างใด เฉกเช่นเดียวกับที่ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เคยระบุไว้ว่า “ประชาธิปไตยมิใช่อาชญากรรม เผด็จการต่างหากที่เป็นต้นตอแห่งความชั่วร้าย” ไต้หวันยินดีที่จะเปิดการเจรจาและแลกเปลี่ยนระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน เพื่อบรรลุเป้าหมายการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน พร้อมเรียกร้องให้จีนและไต้หวันร่วมแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบในการธำรงรักษาสันติภาพ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความผาสุกให้แก่ภาคประชาชนสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน อย่างยั่งยืนต่อไป