ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 2 ก.ค. 67
เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวขณะเข้าร่วม “งานเลี้ยงเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา” โดยระบุว่า ภายใต้กรอบความร่วมมือ Global Cooperation and Training Framework (GCTF) ไต้หวันสามารถร่วมแบ่งปันความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การรับมือกับประเด็นความท้าทายในระดับสากล และสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ จะสามารถสร้างคุณประโยชน์ต่อประชาคมโลกได้ โดยไต้หวันจะยังคงทำหน้าที่เป็นพลังแห่งความดีของโลกใบนี้ต่อไป นอกจากนี้ ประชาธิปไตยและเสรีภาพยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ไต้หวันให้การยอมรับ และเป็นรากฐานทางความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ
รองปธน.เซียวฯ กล่าวปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษ โดยระบุว่า ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติมากในฐานะตัวแทนรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่เข้าร่วมแสดงความยินดีกับประชาชนในสหรัฐฯ เนื่องในวาระครบรอบวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ อีกทั้งยังได้ระบุถึงความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง เมื่อ 248 ปีที่แล้ว บิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐฯ ได้สร้างประเทศขึ้นบนรากฐานของสิทธิในการดำรงชีวิตและการมีชีวิตอยู่รอด (Right to life) เสรีภาพและหลักการแสวงหาความสุข ซึ่งได้กระตุ้นให้ภาคประชาสังคมทั่วโลก หันมาร่วมแสวงหาค่านิยมด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย
รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ในระหว่างนี้ พวกเรายังได้ย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์การก้าวสู่เส้นทางประชาธิปไตยของไต้หวันควบคู่ไปด้วย หลายสิบปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวไต้หวันต่างมุ่งฝ่าฝันอุปสรรค สรรสร้างสภาพแวดล้อมทางประชาธิปไตย ยกเลิกกฎอัยการศึก ส่งเสริมให้ประชาชนสามารถกำหนดวิถีชีวิตของตนได้อย่างอิสระเสรี การเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภานิติบัญญัติในปีนี้ ได้ปิดฉากลงอย่างราบรื่น ถือเป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงพลังความสดใสและความทรหดของประชาธิปไตยไต้หวัน
รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้ว ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดด อันจะเห็นได้จากการลงนามข้อตกลงชุดแรกภายใต้ “แผนริเริ่มทางการค้าแห่งศตวรรษที่ 21” ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อจัดการประชุมครั้งที่ 2 เพื่อขยายขอบเขตของแผนความตกลง โดยความตกลงข้างต้นส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบการและภาคประชาชนของสองประเทศ เกิดการพัฒนาที่เป็นไปอย่างแนบแน่นมากยิ่งขึ้น พร้อมนี้ รองปธน.เซียวฯ ยังหวังว่าการแก้ไขปัญหาการเก็บภาษีซ้ำซ้อนระหว่างทั้งสองฝ่ายจะมีความคืบหน้า เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น
รองปธน.เซียวฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ ที่มุ่งประสานความร่วมมือกับญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ผ่านกรอบความร่วมมือ GCTF เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันสามารถร่วมแบ่งปันความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนระดับสากล อาทิ สภาพภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม ความมั่นคงทางไซเบอร์ การรู้เท่าทันสื่อ หลักธรรมาภิบาล การเสริมสร้างศักยภาพสตรี และจิตวิญญาณของการประกอบอาชีพ เป็นต้น
รองปธน.เซียวฯ ยังใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ ที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือไต้หวันในการเสริมสร้างแสนยานุภาพการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง ผ่านยุทโธปกรณ์และกลไกต่างๆ ภายใต้กรอบ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” ในทุกครั้งที่ไต้หวันต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางการทหาร พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ และหุ้นส่วนนานาประเทศ รวมถึงประเทศพันธมิตรที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน อย่างหนักแน่น
รองปธน.เซียวฯ แถลงว่า ปีนี้ประจวบกับเป็นวาระครบรอบ 45 ปีแห่งการบัญญัติ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” จึงขอแสดงความขอบคุณต่อสมาชิกรัฐสภาแบบข้ามพรรคของสหรัฐฯ ที่มุ่งให้การสนับสนุนไต้หวันเสมอมา ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เป็นไปอย่างแนบแน่น ซึ่งสอดรับต่อ “แผนปฏิบัติการเพื่อสันติภาพใน 4 มิติ” ที่เสนอโดยประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณัรฐจีน (ไต้หวัน) โดยรัฐบาลไต้หวันจะมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค ซึ่งมีความสำคัญต่อพวกเราและประชาคมโลกเป็นอย่างมาก
ในช่วงท้าย รองปธน.เซียวฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อ Ms. Sandra Oudkirk ประธานสถาบันอเมริกาในไต้หวัน (AIT/T) และสถาบัน AIT ที่มุ่งสร้างคุณประโยชน์ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ แม้ว่า วาระการดำรงตำแหน่งของ Ms. Sandra จะสิ้นสุดลงในเร็ววันนี้ แต่รองปธน.เซียวฯ เชื่อว่าไม่ว่า Ms. Sandra จะอยู่แห่งหนใดในโลก เสียงสนับสนุนที่มีต่อไต้หวันและความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ จะยังคงยืนหยัดคงอยู่ต่อไป จึงขออวยพรให้ Ms. Sandra ประสบแต่ความราบรื่นตลอดไป โดยพวกเราจะมุ่งจัดตั้งความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน-สหรัฐฯ ให้มีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าที่เคยมีมา