กระทรวงการต่างประเทศ วันที่  28 ก.ค. 67
 
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา สหรัฐและญี่ปุ่นได้จัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศและกลาโหม แบบ 2+2 ขึ้น ณ กรุงโตเกียว โดยได้มีการประกาศแถลงการณ์ร่วมหลังเสร็จสิ้นการประชุม เพื่อแสดงจุดยืนย้ำว่า การธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถขาดได้ในความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของประชาคมโลก พร้อมทั้งกระตุ้นให้ให้มีการแก้ไขปัญหาสองฝั่งช่องแคบไต้หวันอย่างสันติ กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รู้สึกยินดีและขอขอบคุณสหรัฐฯ - ญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญต่อสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน
 
แถลงการณ์ร่วมฉบับดังกล่าวชี้ว่า เพื่อประโยชน์ของตัวเองในด้านการต่างประเทศ ทำให้จีนพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ และพร้อมจะใช้วิธีทางการทหารเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายของตัวเอง สร้างความวิตกกังวลใจให้แก่สหรัฐฯ – ญี่ปุ่นและประชาคมโลกเป็นอย่างมาก ถือเป็นความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์อย่างใหญ่หลวงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก
 
ในปัจจุบัน กลุ่มประเทศเผด็จการต้องการจะแผ่ขยายอิทธิพลไปสู่ประเทศภายนอกอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎกติกาสากล จนสร้างความผันผวนให้เกิดขึ้นในสถานการณ์ระหว่างประเทศ ไต้หวันในฐานะที่เป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก จะมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกกับสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เพื่อร่วมปกป้องค่านิยมด้านเสรีภาพ ประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกต่อไป
 
ในช่วงที่ผ่านมา กต.ไต้หวันยังเห็นว่า Mr. Josep Borrell ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง ได้กล่าวปราศรัยใน “การประชุมระดับภูมิภาคของกลุ่มประเทศอาเซียน ครั้งที่ 31” (ASEAN Regional Forum) โดยย้ำว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน พร้อมทั้งแสดงจุดยืนต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมของช่องแคบไต้หวันด้วยกำลังอาวุธและการบีบบังคับ กต.ไต้หวันรู้สึกยินดีและขอขอบคุณสำหรับการแสดงจุดยืนที่ว่า EU จะมุ่งธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน อย่างเต็มที่
 
Mr. Borrell ยังได้แสดงความห่วงใยต่อประเด็นสถานการณ์ความตึงเครียดในพื้นที่ทะเลจีนใต้ ในระหว่างการแสดงปาฐกถา พร้อมย้ำด้วยว่า ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกเป็นจุดศูนย์กลางการแข่งขันระดับโลก ในยุคแห่งโลกาภิวัฒน์นี้ ความขัดแย้งในพื้นที่ทะเลจีนใต้อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงกว่าความขัดแย้งในทะเลแดง Mr. Borrell จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายส่งเสริมมาตรการการผ่อนคลายความตึงเครียดของสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ตาม “อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล” (UNCLOS) พร้อมแสดงจุดยืนในการต่อต้านการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยกำลังทหาร ซึ่งมีความสอดคล้องกับจุดยืนของไต้หวันในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ทะเลจีนใต้ด้วยสันติวิธี