กระทรวงสิ่งแวดล้อม วันที่ 14 ส.ค. 67
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา กระทรวงสิ่งแวดล้อม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เป็นเจ้าภาพในการจัด “การประชุมด้านการตรวจสอบปริมาณก๊าซเรือนกระจกและความโปร่งใสขององค์กรธุรกิจ” โดยมีนายเผิงฉี่หมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม (MOENV) และนายเจิ้งหมิงเชียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไต้หวัน ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมย้ำว่า ภารกิจการตรวจสอบปริมาณก๊าซเรือนกระจก และความโปร่งใส - ซื่อสัตย์ เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรธุรกิจ ภายในปี พ.ศ. 2593 “ความโปร่งใสทางธุรกิจ” เป็นค่านิยมหลักที่เหล่าผู้ประกอบการมุ่งผลักดัน ในระหว่างการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการเปิดเผยข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจก จะสามารถยกระดับความไว้วางใจของลูกค้าและนักลงทุนได้ และยังสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายทั้งทางกฎหมายและการเสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กร อันเกิดจาก “ความไม่ซื่อตรง”
รมว.เผิงฯ กล่าวว่า MOENV มุ่งผลักดันระบบการตรวจสอบปริมาณก๊าซเรือนกระจก เรียกร้องให้กลุ่มองค์กรที่มีรายชื่อในระบบ เร่งดำเนินภารกิจการตรวจสอบและลงทะเบียนข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบปริมาณก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งปี ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยปริมาณก๊าซเรือนกระจกขององค์กรธุรกิจ จะต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่ได้รับรองจาก MOENV พร้อมทั้งบัญญัติให้มีกลไกการพิจารณาที่เกี่ยวข้องและการตรวจสอบอนุมัติ ภายในข้อกำหนดด้านการบริหารจัดการ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมความแม่นยำของข้อมูลสถิติ ในการนำไปใช้เป็นหลักอ้างอิงในการพิจารณาแผนกลยุทธ์ด้านการลดก๊าซเรือนกระจกที่เปี่ยมประสิทธิภาพ หากภาคธุรกิจไม่สามารถเปิดเผยพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างโปร่งใส อาจส่งผลให้เกิดวิกฤตการฟอกเขียว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจของภาคประชาชน
รมว.เติ้งฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาที่ยั่งยืนและความโปร่งใสและซื่อสัตย์ เป็นประเด็นสำคัญของการบริหารองค์กรธุรกิจ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ.2593 เป็นนโยบายสำคัญระดับชาติ การประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้น โดยในอนาคต พวกเราจะร่วมผลักดันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความน่าเชื่อถือขององค์กรธุรกิจกับ MOENV อย่างต่อเนื่อง
นอกจากการประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบปริมาณก๊าซเรือนกระจกและการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสแล้ว ยังเน้นย้ำความเชื่อมโยงระหว่างการตรวจสอบปริมาณก๊าซเรือนกระจก และความน่าเชื่อถือในการบริหารองค์กร เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าใจว่าความซื่อสัตย์เป็นต้นทุนประเภทหนึ่งที่มิสามารถขาดได้ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการทุจริตได้ ตามกฎระเบียบด้านการบริหารองค์กร อนึ่ง การบริหารองค์กรด้วยความสุจริตยั่งยืน ควรยึดหลักในการต่อต้านการฟอกเขียวเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันก็ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเลี่ยงความเสี่ยงด้าน “การฟอกเขียว” และ “การทุจริตคอร์รัปชัน” อย่างเคร่งครัด