NDC วันที่ 27 ส.ค. 67
เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวัน - ลิทัวเนีย นายหลิวจิ้งชิง ประธานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน (NDC) จึงจัดคณะตัวแทนเดินทางเยือนลิทัวเนีย ในช่วงระหว่างวันที่ 26 – 27 สิงหาคม 2567 ซึ่งนอกจากจะเข้าพบปะกับ Teltonika ผู้ประกอบการความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ ระหว่างไต้หวัน - ลิทัวเนียแล้ว ยังได้เข้าพบปะกับผู้ประกอบการสตาร์ตอัปที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการลงทุนในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกในพื้นที่ ตลอดจนเข้าร่วมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐสภา เจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐกิจและนวัตกรรมแห่งลิทัวเนียในประเด็นความเป็นไปได้ในการเพิ่มความร่วมมือระหว่างไต้หวัน-ลิทัวเนียในอนาคต ทั้งในด้านเซมิคอนดักเตอร์ เลเซอร์ เทคโนโลยีการเงินและนวัตกรรม เป็นต้น
ในปี 2565 รัฐบาลไต้หวันได้จัดตั้ง “กองทุนเพื่อการลงทุนในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก” มูลค่า 200 ล้านยูโร โดยบริษัท Taiwania Capital ได้ผลักดันโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับหุ้นส่วนประชาธิปไตยอย่างเป็นรูปธรรมด้วยเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งนับตั้งแต่มีการจัดตั้งกองทุนข้างต้นขึ้นได้มีการลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัป 3 ราย ประกอบด้วย Litilit , Oxipit และ TransferGo โดยการเดินทางเยือนของคณะตัวแทนในครั้งนี้ จะเข้าเยี่ยมชม 2 ใน 3 บริษัทข้างต้น
ประธานหลิวฯ จะเข้าเยี่ยมชม บริษัทLitilit เป็นแห่งแรก พร้อมระบุว่า เทคโนโลยีเลเซอร์ของลิทัวเนีย มีส่วนช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอุตสาหกรรมชีวการแพทย์ของไต้หวัน ด้วยเหตุนี้ จึงต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่เซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ของลิทัวเนีย เป็นตัวช่วยเสริม
เทคโนโลยีการเงินนอกจากจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความได้เปรียบของลิทัวเนียแล้ว แผนการลงทุนของบริษัท TransferGo ยังได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการลงทุนในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ในสัดส่วนที่มากที่สุดอีกด้วย โดยเจ้าหน้าที่ NDC และพนักงานของ TransferGo ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในประเด็นศักยภาพการขยายตัวเติบโตของบริษัทและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเงินในภูมิภาคยุโรป โดยประธานกรรมการบริหารของ TransferGo ชี้ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.6 เท่าในทุกปี จึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อ Taiwania Capital ที่ได้จัดตั้งช่องทางการติดต่อประสานงานกับผู้ประกอบการด้านการเงินของไต้หวัน โดยประธานหลิวฯ แสดงทรรศนะว่า ในอนาคต รูปแบบการพาณิชย์ของ TransferGo สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในตลาดไต้หวันได้
นอกจากนี้ ประธานหลิวฯ ยังได้เยี่ยมชม Teltonika บริษัทรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของลิทัวเนีย โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือกันในประเด็นการผลักดันแผนโครงการความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ ระหว่างไต้หวัน - ลิทัวเนีย และการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของลิทัวเนีย เป็นต้น โดยประธานกรรมการบริหาร Teltonika กล่าวว่า กองทุนเพื่อการลงทุนในภูมิภาคยุโรป ถือเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือทางภาคอุตสาหกรรม ระหว่างไต้หวัน - ลิทัวเนีย โดยกองทุนข้างต้นได้อัดฉีดเงินลงทุนเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มีความได้เปรียบของลิทัวเนีย ทั้งเลเซอร์ เทคโนโลยีการเงินและชีวการแพทย์ จึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไต้หวันที่ได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองฝ่ายจะประสานความร่วมมือแบบทวิภาคีให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป
นอกจากนี้ ประธานหลิวฯ ยังได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว ELTA ของลิทัวเนีย โดยผู้สื่อข่าวได้ซักถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้ ผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการเยี่ยมชมภาคธุรกิจของลิทัวเนีย การจัดตั้งสำนักงานย่อยในลิทัวเนียของธนาคารไต้หวัน สถานการณ์ความสัมพันธ์ด้านการลงทุนแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน – ลิทัวเนีย รวมถึงผลกระทบต่อการลงทุนในไต้หวันของผู้ประกอบการต่างชาติอันเกิดจากภัยคุกคามจากจีน เป็นต้น โดยประธานหลิวฯ กล่าวว่า การเดินทางในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจกับฐานอุตสาหกรรมของลิทัวเนีย แสวงหาโอกาสความร่วมมือแบบทวิภาคีที่เพิ่มพูนยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยประธานหลิวฯ ยังได้กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า นอกจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์แล้ว ไต้หวันยังสวมบทบาทที่สำคัญในอุตสาหกรรม AI ระดับสากลอีกด้วย เนื่องจาก AI Server ในสัดส่วนกว่าร้อยละ 90% ขึ้นไป ผลิตในไต้หวัน ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ บริษัท NVIDIA และ AMD ต่างจัดตั้งศูนย์วิจัยในไต้หวัน นอกจากนี้บริษัทข้ามชาติอย่าง Micron Technology ต่างก็ได้อัดฉีดเงินลงทุนเข้าสู่ไต้หวันในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลไต้หวันยังได้จัดสรรเงินลงทุนให้สตาร์ตอัป ปีละ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมเชิญชวนให้ผู้ประกอบการสตาร์ตอัปของลิทัวเนียเดินทางไปแสวงหาโอกาสพัฒนาธุรกิจในไต้หวัน โดยประธานหลิวฯ เชื่อว่าไต้หวัน – ลิทัวเนีย จะสามารถประสานความร่วมมือกันในด้านการเปลี่ยนผ่านทางอุตสาหกรรมและการสร้างศูนย์รวมทรัพยากรมนุษย์
หลังเสร็จสิ้นการเยือนลิทัวเนียในวันที่ 27 สิงหาคมแล้ว คณะตัวแทนก็จะเดินทางมุ่งสู่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก และจะรวมตัวกับคณะสำรวจโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์เพื่อสำรวจและร่วมการประชุมชี้แจงการลงทุน ทั้งนี้ เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – เช็ก ต่อไป
ในวันที่ 27 สิงหาคม นายก่งหมิงซิน เลขาธิการสภาบริหาร พร้อมด้วยนายหลิวจิ้งชิง ประธาน NDC และนายอู๋เฉิงเหวิน ประธานคณะกรรมการกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้นำคณะสำรวจโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์แบบข้ามหน่วยงาน เดินทางเยือนสาธารณรัฐเช็ก เพื่อทำการแลกเปลี่ยนเป็นระยะเวลา 5 วัน เนื่องจากบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co.,Ltd. (TSMC) จะมีการจัดตั้งโรงงานในเมืองเดรสเดินแห่งเยอรมนี ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้ประเทศรายรอบอย่างสาธารณรัฐเช็ก มีการรวมกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์ โดยคณะตัวแทนหวังที่จะขยายรากฐานธุรกิจของห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันในตลาดยุโรปต่อไป
คณะตัวแทนยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนในประเด็นความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ระหว่างไต้หวัน - ลิทัวเนีย นอกจากนี้ยังได้เข้าพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐสภาและรัฐบาลสาธารณรัฐเช็ก แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของเจ้าหน้าที่รัฐบาลเช็ก ที่มีต่อการเข้าลงทุนในเช็กของผู้ประกอบการไต้หวัน โดยหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนเช็ก (CzechInvest) ยังมีกำหนดการจัดงานแถลงข่าวด้านการลงทุน เพื่อชี้แจงสภาพแวดล้อมทางการลงทุนและมาตรการสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ผู้ประกอบการไต้หวันได้รับรู้ โดยรัฐบาลเช็กยังจะจัดให้คณะตัวแทนเดินทางไปสำรวจที่แคว้นอูสจีนัดลาแบ็ม (Usti) และเบอร์โน (Brno) โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้โอกาสนี้เสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางประชาธิปไตย ระหว่างไต้หวัน - เช็ก ควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสการลงทุนของผู้ประกอบการ ตลอดจนขยายขอบเขตการวางรากฐานธุรกิจภายใต้ห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันต่อไป
ไต้หวัน เช็กและลิทัวเนีย ต่างยึดมั่นในค่านิยมด้านเสรีภาพ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างผกผัน พวกเราจะมุ่งประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศเหล่านี้ เพื่อเสริมสร้างความทรหดของระบบห่วงโซ่ด้านประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไป