ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
นรม.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ร่วมพิธีเปิดการประชุมสมัชชาสมาคมคณะกรรมการเลือกตั้งเอเชีย คาดหวังพันธมิตรด้านประชาธิปไตยร่วมผนึกกำลังแสดงศักยภาพในเชิงบวก เพื่อสกัดกั้นอิทธิพลของอำนาจเผด็จการและภัยคุกคามที่เกิดจากข่าวปลอม
2024-09-12
New Southbound Policy。นรม.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ร่วมพิธีเปิดการประชุมสมัชชาสมาคมคณะกรรมการเลือกตั้งเอเชีย คาดหวังพันธมิตรด้านประชาธิปไตยร่วมผนึกกำลังแสดงศักยภาพในเชิงบวก เพื่อสกัดกั้นอิทธิพลของอำนาจเผด็จการและภัยคุกคามที่เกิดจากข่าวปลอม (ภาพจากสภาบริหาร)
นรม.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ร่วมพิธีเปิดการประชุมสมัชชาสมาคมคณะกรรมการเลือกตั้งเอเชีย คาดหวังพันธมิตรด้านประชาธิปไตยร่วมผนึกกำลังแสดงศักยภาพในเชิงบวก เพื่อสกัดกั้นอิทธิพลของอำนาจเผด็จการและภัยคุกคามที่เกิดจากข่าวปลอม (ภาพจากสภาบริหาร)

สภาบริหาร วันที่ 11 ก.ย. 67
 
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “พิธีเปิดการประชุมสมัชชาสมาคมคณะกรรมการการเลือกตั้งเอเชีย (Association of Asian Election Authorities, AAEA) ปี 2567” ที่เปิดฉากขึ้น ณ โรงแรม Grand Victoria Hotel โดยนรม.จั๋วฯ กล่าวแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ตัวแทนประเทศสมาชิก AAEA ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนากระบวนการทางประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชียและการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย โดยหวังว่าการร่วมแลกเปลี่ยนและการแบ่งปันข้อมูลในการประชุมครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของระบอบประชาธิปไตยในเชิงบวกในการสกัดกั้นอิทธิพลของอำนาจเผด็จการและข่าวปลอมที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันด้านวัฒนธรรมประชาธิปไตยและการพัฒนาระบบการเลือกตั้ง
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า ความยุติธรรม ความเท่าเทียมและการเปิดกว้าง รวมไปถึงการเลือกตั้งโดยตรงที่สื่อถึงความคิดเห็นของประชาชน มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกคนที่เหมาะแก่ความต้องการด้านการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต เพื่อนำพาให้ประเทศชาติก้าวสู่เส้นทางแห่งประชาธิปไตย นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า ประชาธิปไตยไต้หวันและระบบการเลือกตั้ง ได้มุ่งเดินไปข้างหน้าพร้อมกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ก้าวสู่การเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก ถือเป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของประชาชน ซึ่งประชาชนทุกคนต่างรู้สึกถนอมรักษาความสำเร็จที่ได้มาไม่ง่ายนี้เอาไว้ โดยไต้หวันยังได้อาศัยโอกาสนี้ทำความรู้จักกับพันธมิตรด้านประชาธิปไตยที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมยืนเคียงข้างประเทศเหล่านี้ ในการร่วมเผชิญหน้ากับอำนาจเผด็จการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาธิปไตยมิได้มีมาแต่โบราณกาล จำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นในการแสวงหาและรักษาไว้ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกที่กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายต่อระบอบประชาธิปไตยและเสรีภาพ ที่เกิดจากการบ่อนทำลายของกลุ่มกประเทศเผด็จการบางส่วน นอกจากนี้ เพื่อจัดตั้งระบบการเลือกตั้งที่สอดคล้องต่อหลักความยุติธรรม ความเท่าเทียม การเปิดกว้างและสะท้อนให้เห็นถึงความคิดเห็นของประชาชน การจัดการเลือกตั้งจึงจำเป็นต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขทางประชาธิปไตย และได้รับหลักประกันอย่างเป็นระบบ
 
นรม.จั๋วฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันให้ความเคารพต่อสิทธิการเลือกตั้งอย่างเสรีของประชาชนชาวไต้หวัน พร้อมทั้งยินดีร่วมแบ่งปันประสบการณ์ทางประชาธิปไตยให้แก่กลุ่มประเทศประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก เพื่อร่วมเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกัน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการร่วมแบ่งปันประสบการณ์การผลักดันกระบวนการทางประชาธิปไตยของนานาประเทศ เพื่อร่วมแบ่งปันข้อมูลและสกัดกั้นภัยคุกคามจากข่าวปลอมที่เกิดจากอำนาจเผด็จการอย่างมีประสิทธิภาพ
 
นายหลี่จิ้นหย่ง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (Central Election Commission, CEC) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวว่า ไต้หวันเตรียมสวมบทบาทเป็นประเทศเจ้าภาพ จัดการประชุมสมัชชา AAEA ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่ไต้หวันจะแสดงศักยภาพทางประชาธิปไตย จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มประเทศประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชีย ประสานความร่วมมือกัน ขยายแนวทางการบรรลุซึ่งหลักการประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชีย เพื่อนำไปสู่ “ประชาธิปไตยคุณภาพ”
 
CEC แถลงว่า ไต้หวันเป็นประเทศสมาชิกรุ่นบุกเบิกของสมาคม AAEA ซึ่งก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานการประชุม 2 ครั้ง โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 2 วันในช่วงระหว่างวันที่ 11 – 12 กันยายน 2567 โดยการประชุมในวันที่ 2 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การรักษาความยุติธรรมในการเลือกตั้งและกลไกการป้องกันและสกัดกั้นข่าวปลอมในระหว่างการเลือกตั้ง” โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนประเทศสมาชิกของมูลนิธิระบบการเลือกตั้งระหว่างประเทศ (International Foundation for Election Systems, IFES) เข้าร่วมแบ่งปันผลสัมฤทธิ์ทางการวิจัยและประสบการณ์การดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมแนวคิดและบทเรียนใหม่ๆ ในการร่วมรับมือกับความท้าทายในอนาคตต่อไป