ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 8 ต.ค. 67
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 ตุลาคม ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Ms. Alvina Reynolds ประธานวุฒิสภาเซนต์ลูเซีย และ Mr. Claudius J.Francis ประธานสภาผู้แทนราษฎรเซนต์ลูเซีย โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อเหล่าอาคันตุกะที่เดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมฉลองวันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ตุลาคมของทุกปี อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลและรัฐสภาของทั้งสองประเทศ พร้อมกันนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังกล่าวว่า เซนต์ลูเซียเป็นประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไต้หวันในแถบทะเลแคริบเบียน หลายปีที่ผ่านมานี้ ทั้งสองฝ่ายนอกจากจะมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังได้ประสานความร่วมมือกันในด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งบังเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นเป็นจำนวนมาก ในอนาคต ไต้หวันจะมุ่งผลักดัน “การทูตเชิงค่านิยม” และ “การทูตทางเศรษฐกิจ” โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะยกระดับสวัสดิภาพและความผาสุกของภาคประชาชนทั้งสองฝ่าย ตลอดจนร่วมกันอุทิศคุณประโยชน์ในด้านสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้แก่โลกได้มากยิ่งขึ้น
ไต้หวัน – เซนต์ลูเซียต่างยึดมั่นค่านิยมด้านประชาธิปไตย เสรีภาพและหลักนิติธรรมร่วมกัน หลายปีมานี้ ทั้งสองฝ่ายนอกจากจะมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันแล้ว ยังได้ประสานความร่วมมือกันในด้านเศรษฐกิจ การเกษตรและการศึกษาอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน เมื่อเผชิญหน้ากับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจในยุคหลังโควิด – 19 ไต้หวัน - เซนต์ลูเซีย ก็ได้ประสานความร่วมมือกันผลักดันโครงการส่งเสริมสิทธิสตรีและเยาวชน รวมไปถึงการฝึกอบรมทางวิชาชีพ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับเทคโนโลยีการประมวลผลทางอุตสาหกรรม เพิ่มพูนศักยภาพการแข่งขันของสินค้า ตลอดจนสร้างโอกาสงานที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น
ปธน.ไล่ฯ ชี้แจงในประเด็นการบ่มเพาะบุคลากรว่า เมื่อปีที่แล้ว “ทูตเยาวชนนานาชาติของไต้หวัน” ได้เดินทางเยือนเซนต์ลูเซีย เพื่อร่วมแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่เหล่าเยาวชนในพื้นที่ เชื่อว่าจากการผลักดันพัฒนาโครงการบ่มเพาะบุคลากรอย่างต่อเนื่อง จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือแบบทวิภาคีที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น
Ms. Reynolds กล่าวว่า การเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศที่พัฒนาร่วมกันมาเป็นเวลานานแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลอง และแสดงจุดยืนความเชื่อมโยงระหว่างภาคประชาชนอย่างลึกซึ้ง หลายปีมานี้ ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนของสองประเทศ มีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตของประชาชนชาวเซนต์ลูเซียในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาสอย่างสตรี เด็กและผู้ทุพพลลาภ
นอกจากนี้ Ms. Reynolds ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ H.E.Philip J.Pierre ประธานาธิบดีเซนต์ลูเซีย รัฐบาลและภาคประชาชนชาวเซนต์ลูเซีย ขอบคุณความช่วยเหลือที่ไต้หวันส่งมอบให้เสมอมา ในระหว่างที่ไต้หวันมุ่งแสวงหาความเจริญรุ่งเรือง ก็ไม่ลืมที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่ประชาคมโลก ซึ่งเซนต์ลูเซียก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับอานิสงส์ ธารน้ำใจที่ไต้หวันส่งมอบให้ ประสบความสำเร็จในการช่วยยกระดับคุณภาพวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเซนต์ลูเซียจำนวนมาก
ลำดับต่อมา Mr. Francis กล่าวว่า ไต้หวันเป็นประภาคารแห่งประชาธิปไตย นวัตกรรมและความทรหด ถือเป็นแบบอย่างที่เจิดจรัสของประชาคมโลก โดยเฉพาะผลสัมฤทธิ์ด้านเทคโนโลยี การแพทย์และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยยกระดับสถานภาพของไต้หวันในเวทีโลก โดยได้รับการยกย่องชมเชยและเคารพจากนานาประเทศในวงกว้าง
Mr. Francis แถลงว่า ความทรหดและความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวัน เมื่อเผชิญกับความท้าทายระดับสากล สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความเป็นผู้นำและความเห็นอกเห็นใจที่พันธมิตรระหว่างประเทศพึงมี Mr. Francis คาดหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างอนาคตที่รุ่งโรจน์และยอมรับซึ่งกันและกัน เชื่อว่ามีเพียงความสามัคคีและร่วมมือกันเท่านั้น จึงจะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเปิดบริบทที่มุ่งสู่ความก้าวหน้า ความเท่าเทียมและการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป
ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้ให้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนที่นำโดย Mr.Feleti Teo นายกรัฐมนตรีตูวาลู โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อตูวาลูที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันบนเวทีนานาชาติอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการสนับสนุนที่มีต่อไต้หวันอย่างหนักแน่น ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า พวกเราต่างเป็นประเทศที่โอบล้อมด้วยมหาสมุทร จึงหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในด้านการแพทย์ สาธารณสุข การเกษตร การประมงและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อร่วมปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพอย่างเข้มแข็ง ทรหดและเปี่ยมด้วยความกล้าหาญ ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันด้านสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดแก่ภูมิภาคแปซิฟิกอย่างยั่งยืนสืบต่อไป
นรม.Teo แถลงว่า นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ข้าพเจ้าเข้าดำรงตำแหน่งเป็นต้นมา ก็ได้เสนอแผนแม่บทที่เรียงลำดับความสำคัญ รวม 21 รายการ โดยในจำนวนนี้คือ การยกระดับความสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับไต้หวันอย่างครอบคลุม หากมองเพียงเฉพาะกลุ่มประเทศในพื้นที่แถบมหาสมุทรแปซิฟิก ตูวาลูนับเป็นประเทศที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันมาเป็นเวลายาวนานที่สุด ความสัมพันธ์แบบทวิภาคีตั้งอยู่บนหลักการและค่านิยมทางประชาธิปไตย ซึ่งครอบคลุมไปถึงการเคารพต่อหลักนิติธรรม ระบอบประชาธิปไตยและการแบ่งอำนาจ ตลอดจนให้ความเคารพต่ออธิปไตยของประเทศระหว่างกัน
ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติประจำปีนี้ (UNGA79) นรม. Teo ได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกเปิดรับไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในกลไกและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง พร้อมเน้นย้ำว่า ระบบของสหประชาชาติมีความขัดแย้งในตัว แม้ว่าหัวข้อหลักของการประชุมในปีนี้คือ “ไม่ละทิ้งผู้ใดไว้เบื้องหลัง” แต่กลับยังคงกีดกันไต้หวันให้อยู่นอกระบบ นอกจากนี้ นรม.Teo ยังระบุว่า ญัตติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 มิได้ระบุถึงข้อความที่กีดกันการเข้าร่วมของไต้หวัน ด้วยเหตุนี้ ช่วงที่นรม. Teo ยังอยู่ในวาระการดำรงตำแหน่ง เขาจะมุ่งมั่นเรียกร้องให้มีการสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง