ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 16 ต.ค. 67
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 16 ตุลาคม ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Thibaut Bruttin ผู้อำนวยการองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters Sans Frontières: RSF) พร้อมด้วยคณะ โดยปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ไต้หวันในปัจจุบันนอกจากจะเป็นศูนย์กลางเสรีภาพสื่อในภูมิภาคเอเชียแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางของสื่อนานาชาติในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกอีกด้วย ไต้หวันตั้งอยู่ในแนวหน้าของการปกป้องประชาธิปไตย มีความมุ่งมั่นในการปกป้องค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพอย่างเต็มกำลัง โดยในอนาคต คาดหวังที่จะสวมบทบาทที่กระตือรือร้นในประชาคมโลก พร้อมมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อความยั่งยืนทางประชาธิปไตยและเสรีภาพสื่อโลก ร่วมกับองค์กร RSF และพันธมิตรด้านประชาธิปไตยโลกต่อไป
ปธน.ไล่ฯ กล่าวให้การต้อนรับ Mr. Bruttin ที่นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรก หลังการเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า เมื่อ 7 ปีที่แล้ว องค์กร RSF ได้จัดตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกขึ้น ณ ไต้หวัน พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ประสานความมุ่งมั่นร่วมกับทุกท่าน เพื่อสร้างคุณประโยชน์ที่เพิ่มพูนให้แก่เสรีภาพสื่อในภูมิภาคเอเชีย
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ไต้หวันเป็นประเทศที่ยึดมั่นในประชาธิปไตยและแสวงหาซึ่งเสรีภาพ สปิริตด้านประชิปไตยและเสรีภาพได้รับการปลูกฝังให้อยู่ใน DNA ของพวกเรา หลายปีมานี้ ความมุ่งมั่นของไต้หวันได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกโดยถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นดัชนีประชาธิปไตยหรือการประเมินค่าดัชนีทางเสรีภาพ ไต้หวันก็ยังคงอยู่ในอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชีย “ดัชนีเสรีภาพสื่อโลก” ที่ประกาศโดยองค์กร RSF ในปีนี้ ไต้หวันครองอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย และก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 27 ของโลก ซึ่งนับว่าเป็นอันดับที่ดีที่สุด นับตั้งแต่ที่มีการจัดให้ไต้หวันเข้าสู่กลไกการประเมินเป็นต้นมา
ปธน.ไล่ฯ ระบุว่า ไต้หวันเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการถูกโจมตีด้วยข่าวปลอมที่รุนแรงที่สุดในโลก หลายปีมานี้ รัฐบาลมุ่งมั่นจัดตั้งระบบคุ้มครองความมั่นคงทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม โดยองค์การนอกภาครัฐยังได้จัดทำนโยบายเกี่ยวกับข่าวปลอม ขณะนี้ พวกเราได้ทำการจัดตั้ง “คณะกรรมการความทรหดทางสังคมแห่งชาติ” เพื่อผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ในการเสริมสร้างความทรหดให้แก่ของประเทศชาติ เพื่อรับมือกับการโจมตีด้วยข่าวปลอมและความท้าทายนานาประการ
ปธน.ไล่ฯ เน้นย้ำว่า เมื่อเผชิญหน้ากับข่าวปลอมที่ทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก บวกกับการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ ไต้หวันต้องการความสนับสนุนจากประชาคมโลก ซึ่งขณะเดียวกัน โลกเราก็ต้องการไต้หวันเช่นเดียวกัน โดยพวกเราคาดหวังที่จะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับนานาประเทศทั่วโลก เพื่อสร้าง “เกราะป้องกันทางประชาธิปไตย” อันจะนำไปสู่การธำรงรักษาไว้ซึ่งวิถีชีวิตในรูปแบบประชาธิปไตยและเสรีภาพให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
ในลำดับต่อมาเป็นการกล่าวปราศรัยของ Mr. Bruttin ซึ่งระบุว่า การตัดสินใจจัดตั้งสำนักงานแห่งแรกในเอเชียที่ไต้หวัน เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากข้อมูลที่นำเสนอโดยไต้หวัน นอกจากจะตั้งอยู่บนหลักการเสรีภาพและความหลากหลายแล้ว องค์กร RSF ยังพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างสื่อโซเชียลที่เปี่ยมเสรีภาพ ความเป็นเอกภาพและความหลากหลายต่อไป
ไต้หวันครองอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียใน “ดัชนีเสรีภาพสื่อโลก” และถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก ถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ไต้หวันมุ่งสร้างเพื่อประชาสังคม ตลอดจนส่งเสริมให้มีการพัฒนาในระหว่างการผลักดันนโยบายสาธารณะที่สอดคล้องกับหลักการระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ Mr. Bruttin ยังได้ระบุถึงมิติความร่วมมือที่คาดหวังจะประสานความร่วมมือกับไต้หวันต่อไปในภายภาคหน้า ประการแรก เนื่องจากข้อมูลบนสื่อโซเชียลและแพลตฟอร์ม ใช่ว่าจะสามารถไว้วางใจได้เสมอไป จึงคาดหวังที่จะกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อยุติสถานการณ์ความวุ่นวายทางดิจิทัล ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมสื่อแล้ว ยังเป็นการคุ้มครองประชาชนผู้รับข่าวสารอีกด้วย ประการที่สอง ส่งเสริมการกำกับดูแลกันเองของสื่อ โดยหวังที่จะกำหนดกฎระเบียบที่เหมาะสมในการคุ้มครองภาคประชาชน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพของสื่อมวลชน เพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีความแม่นยำ ตลอดจนกระตุ้นให้สื่อมีความสอดคล้องกับกฎระเบียบด้านจริยธรรม ซึ่ง Mr. Bruttin คิดเห็นว่า พวกเรายังสามารถเสริมสร้างบทบาทสื่อสาธารณะ ในการจัดตั้งสภาพแวดล้อมสื่อที่ภาคประชาชนสามารถเชื่อถือได้
Mr. Bruttin กล่าวเพิ่มเติมว่า ประการที่สามคือการเผยแพร่สถานการณ์การแทรกแซงต่อสื่อจากอิทธิพลภายนอก พร้อมทำความเข้าใจกับพฤติกรรมการแทรกแซงของข่าวปลอม รวมไปถึงกลยุทธ์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง การคำนึงถึงปัจจัยทางการเมืองเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ผู้ดำเนินการและแหล่งที่มาของงบประมาณ ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้นอกจากจะส่งผลกระทบต่อไต้หวันแล้ว ยังเป็นประเด็นปัญหาระดับสากล พวกเราจำเป็นต้องประสานความร่วมมือกันเพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ให้สิ้นซากโดยเร็ววัน