กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 23 ต.ค. 67
 
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ประเทศพันธมิตรทางการทูตของไต้หวัน มีกำหนดการจัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปีแห่งการประกาศเอกราช ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 เพื่อแสดงให้เห็นว่าไต้หวันให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จึงได้มอบหมายให้นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ทำหน้าที่เป็นทูตพิเศษ นำคณะตัวแทนเดินทางเข้าร่วมแสดงความยินดี โดยในระหว่างการพำนักในเซนต์วินเซนต์ฯ รมว.หลินฯ ยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเข้าพบปะหารือกับ H.E. Susan D. Dougan รักษาการผู้สำเร็จราชการเซนต์วินเซนต์ และ Mr. Ralph Gonsalves นายกรัฐมนตรีเซนต์วินเซนต์ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญร่วมกันและทิศทางความร่วมมือในอนาคต
 
เพื่อสร้างเสริมสัมพันธไมตรีระหว่างไต้หวันและกลุ่มประเทศพันธมิตรทางการทูตในภูมิภาคลาตินอเมริกาและพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียน รมว.หลินฯ จึงได้แวะเยือนกัวเตมาลา เซนต์ลูเซีย เบลีซ เซนต์คิดส์และเนวิส พร้อมจัดการประชุมหารือแบบทวิภาคีกับเหล่าผู้นำประเทศและเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูง ตลอดจนเข้าตรวจการณ์ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากโครงการความร่วมมือที่ไต้หวันมุ่งช่วยเหลือพัฒนาในพื้นที่ โดยคณะที่นำโดยรมว.หลินฯ มีกำหนดการออกเดินทางในวันที่ 23 ตุลาคม และเดินทางกลับไต้หวันในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 นอกจากนี้ ภริยาของรมว.หลินฯ ก็ได้ตอบรับคำเชิญของ Ms. Lucrecia Peinado สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสาธารณรัฐกัวเตมาลา ร่วมเดินทางเยือนกัวเตมาลาไปพร้อมกับ รมว.หลินฯ

การเดินทางเยือนประเทศพันธมิตรทางการทูตของรมว.หลินฯ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงรายละเอียดและวิสัยทัศน์ของ “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร” ที่มุ่งผลักดันโดยรัฐบาลไต้หวัน ทั้งนี้ เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ว่าด้วย “การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตร” ไปสู่ “การสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร” โดยทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกบนพื้นฐานความสัมพันธ์แบบทวิภาคีที่มีอยู่เดิม ควบคู่ไปกับการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาประเทศแก่พันธมิตร ตลอดจนสร้างความผาสุกและสวัสดิการให้แก่ภาคประชาชนสืบต่อไป
 
ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและประเทศพันธมิตรที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียน มีความเหนียวแน่นมาอย่างยาวนาน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ประสานความร่วมมือกันในด้านต่างๆ อย่างแนบแน่น ทั้งการแพทย์สาธารณสุข การเกษตร การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่งเสริมศักยภาพสตรี เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อผลักดันโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ของภาคประชาชน ซึ่งบังเกิดผลสัมฤทธิ์ตามคาดหมาย และได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง