กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 31 ต.ค. 67
ในช่วงระหว่างวันที่ 29 -30 ตุลาคม 2567 นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ตอบรับคำเชิญในการเดินทางเยือนเบลีซ และเข้าร่วมเจรจาหารือกับ Mr. Francis Fonseca รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเบลีซ พร้อมทั้งร่วมงานเลี้ยงฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 35 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไต้หวัน - เบลีซ ที่จัดขึ้นโดยรมว. Fonseca
ในช่วงบ่ายของวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่รมว.หลินฯ เดินทางถึงเบลีซ ก็ได้เดินทางไปเยือนกระทรวงการต่างประเทศของเบลีซ พร้อมหารือแลกเปลี่ยนแบบทวิภาคีในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสนใจร่วมกัน โดย รมว.หลินฯ ยังได้อาศัยโอกาสนี้ ในการแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลเบลีซที่ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างหนักแน่นเสมอมา ทั้งระบบสหประชาชาติ , WHO , ICAO , UNFCCC และ INTERPOL โดยรัฐบาลเบลีซยังได้แสดงความห่วงกังวลต่อภัยคุกคามจากจีนที่ส่งผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตยและความเป็นเอกภาพของไต้หวัน ตลอดจนร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันบนเวทีนานาชาติอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ร่วมพิจารณาทบทวนความคืบหน้าของโครงการความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณูปโภค การแพทย์สาธารณสุข การเกษตร การพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษาเชิงวัฒนธรรมและการเสริมสร้างศักยภาพสตรี เป็นต้น
หลังเสร็จสิ้นการเจรจาหารือ รมว.ต่างประเทศทั้งสองท่าน ได้ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว เนื่องในวาระครบรอบ 35 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไต้หวัน – เบลีซ โดยรมว.หลินฯ กล่าวในระหว่างงานแถลงข่าวว่า จากความมุ่งมั่นพยายามตลอดระยะเวลา 2 ปี ในที่สุด แผนอนุมัติการส่งออกกุ้งขาวเบลีซสู่ไต้หวัน กำลังอยู่ระหว่างการลงสำรวจพื้นที่ พร้อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนตามกฎหมายแล้ว จะสามารถนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากเบลีซได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยึดมั่นในค่านิยมด้านสันติภาพ และร่วมรักษาคุณค่าทางเสรีภาพ ประชาธิปไตย หลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของแนวคิดค่านิยมที่คล้ายคลึงกัน โดยหลังจากนี้ ไต้หวันจะมุ่งพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองไปพร้อมกับเบลีซในด้านต่างๆ ผ่านการร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของไต้หวัน และการขยายขอบเขตทางความร่วมมือในด้านการเกษตรรูปแบบอัจฉริยะ สาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงานสะอาด การบ่มเพาะบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณูปโภค เป็นต้น
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา รมว.หลินฯ ยังได้เข้าร่วมรับประทานอาหารเช้าและพูดคุยกับ Mr. John Briceño นายกรัฐมนตรีเบลีซ หลังจากนั้น ยังได้ร่วมโดยสารอากาศยานมุ่งหน้าสู่เกาะรอบนอกของเบลิซ เพื่อเข้าสำรวจสถานการณ์ความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างสถานพยาบาล San Pedro ที่ไต้หวันมีส่วนร่วมในการก่อสร้างด้วย
รมว.หลินฯ แถลงว่า การยกระดับการบริการทางการแพทย์สำหรับประชาชนชาวเบลีซ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของนรม. Briceño ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจด้านนโยบายสุขภาพของไต้หวันของประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จึงเห็นได้ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า สุขภาพเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของภาคประชาชน มิควรมีใครถูกจำกัดให้อยู่ภายนอกระบบ พร้อมกันนี้ รมว.หลินฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อ นรม.เบลีซ และสมาชิกคณะรัฐมนตรี ที่ให้การสนับสนุนต่อไต้หวันในการเข้ามีส่วนร่วมในระบบสาธารณสุขโลก อีกทั้งยังแสดงความชื่นชมต่อความคืบหน้าของโครงการสถานพยาบาล San Pedro พร้อมหวังที่จะเห็นโครงการก่อสร้างสถานพยาบาลแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดและถูกเปิดใช้ในเร็ววัน เพื่อสร้างความผาสุกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนเป็นการยกระดับคุณภาพทางการแพทย์ให้แก่เหล่านักท่องเที่ยว ที่นับวันยิ่งหลั่งไหลเข้าสู่เบลีซเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ รมว.หลินฯ ยังหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายร่วมแลกเปลี่ยนและประสานความร่วมมือกันในด้านคาร์บอนเครดิต การอนุรักษ์ระบบนิเวศและการท่องเที่ยวสีเขียว เป็นต้น เพื่อร่วมกันสร้างคุณูปการในด้านการอนุรักษ์และการประยุกต์ใช้ทรัพยากรทางทะเลของโลก ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป