ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 15 พ.ย. 67
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ “คณะตัวแทนสมาชิกรัฐสภาเดนมาร์ก” โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อการมาเยือนของเหล่าคณะตัวแทน ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงความสนับสนุนต่อไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างไต้หวัน – เดนมาร์กอีกด้วย อันจะทำให้มีโอกาสขยายความร่วมมือแบบทวิภาคีในภายหน้าต่อไป
ปธน.ไล่ฯ ได้ให้การต้อนรับ Ms. Pia Kjærsgaard สมาชิกรัฐสภาเดนมาร์กซึ่งเดินทางมาเยือนไต้หวันอีกครั้ง โดยเป็นครั้งที่ 8 แล้ว ที่ Ms. Kjærsgaard เดินทางเยือนไต้หวัน นับตั้งแต่ไต้หวันยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในการเติบโตและความก้าวหน้าของพวกเรา พร้อมนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อ Ms. Kjærsgaard ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในการประชุมรัฐสภาเดนมาร์ก อันเป็นการส่งเสริมให้มิตรสหายทั่วโลกร่วมให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างพร้อมเพรียง
ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า สถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน และการเดินทางเยือนไต้หวันครั้งแรกของ Ms. Kjærsgaard เมื่อ 37 ปีที่แล้ว แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การแผ่ขยายอิทธิพลและการผนึกกำลังของกลุ่มประเทศลัทธิอำนาจนิยมในปัจจุบัน เกิดเป็นภัยคุกคามอย่างหนัก และส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎกติกาสากล ประกอบกับความมั่นคงและเสถียรภาพในกลุ่มประเทศทวีปยุโรปและกลุ่มประเทศภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน มีส่วนเกี่ยวพันกับความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในระดับสากล ไต้หวันในฐานะที่เป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมโลก จะมุ่งธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาค ตลอดจนร่วมปกป้องค่านิยมแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
ปธน.ไล่ฯ กล่าวอีกว่า ตนมีโอกาสได้เข้าร่วมแสดงปาฐกถาใน “การประชุมสุดยอดประชาธิปไตยโคเปนเฮเกน” ผ่านการบันทึกวีดิทัศน์ล่วงหน้า เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อย้ำให้มิตรสหายชาวเดนมาร์กและผู้เข้าร่วมการประชุมจากทั่วโลก ตระหนักว่า พวกเราควรมุ่งส่งเสริมค่านิยมด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย เศรษฐกิจและความยืดหยุ่น ควบคู่ไปกับการสร้างความผาสุกให้แก่ภาคประชาชน ผ่านการประสานความร่วมมือแบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ปธน.ไล่ฯ กล่าวด้วยว่า อุตสาหกรรรมการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลมจากฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งของเดนมาร์ก มีศักยภาพสูงมากและถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก หลายปีมานี้ ไต้หวันมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานสีเขียวอย่างกระตือรือร้น โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อกลุ่มผู้ประกอบการเดนมาร์กที่เพิ่มการลงทุนเข้าสู่ไต้หวัน พร้อมหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นไต้หวัน – เดนมาร์ก มุ่งสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านพลังงานสีเขียว การเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ รวมไปถึงเศรษฐกิจและการค้า
หลังจากนั้น Ms. Kjærsgaard ได้ชี้ว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวัน - เดนมาร์ก มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย เนื่องด้วยเดนมาร์กมีประสบการณ์ด้านพลังงานสีเขียว ไต้หวันมีเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งสองฝ่ายจึงสามารถร่วมแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ ทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นในค่านิยมด้านประชาธิปไตยร่วมกัน อันจะเห็นได้จากการที่ไต้หวันจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาและการเลือกตั้งท้องถิ่นขึ้นเป็นวาระประจำ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตย
Ms. Kjærsgaard ชี้อีกว่า การที่ไต้หวันถูกจีนคุกคามมาเป็นเวลานาน จึงเป็นประเด็นที่สมควรแก่การเจรจาหารือและต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้น ซึ่งหลังจากที่ Ms. Kjærsgaard กลับสู่เดนมาร์กแล้ว จะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรับรู้ว่า แม้ไต้หวันจะมีพื้นที่ขนาดเล็กแต่ก็ยึดมั่นในหลักการแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ และแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอยู่บ่อยครั้ง แต่ Ms. Kjærsgaard เห็นว่า กลุ่มประเทศซีกโลกตะวันตกควรร่วมให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่น พร้อมทั้งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสนับสนุนไต้หวันอย่างต่อเนื่อง หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา
