ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รองปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับคณะตัวแทนที่นำโดย “Mr. François Valérian ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ”
2024-12-12
New Southbound Policy。รองปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับคณะตัวแทนที่นำโดย “Mr. François Valérian ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
รองปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับคณะตัวแทนที่นำโดย “Mr. François Valérian ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 10 ธ.ค. 67
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 ธันวาคม 2567 รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. François Valérian ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International, TI) พร้อมกล่าวว่า ไต้หวันให้ความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับโอกาสในการสร้างความร่วมมือกับ TI ภายใต้หลักการความรับผิดชอบ โปร่งใสและหลักนิติธรรม โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะประสานความร่วมมือกับหุ้นส่วนจากนานาประเทศทั่วโลก เพื่อผลักดันความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศบนพื้นฐานของหลักนิติธรรม โดยรองปธน.เซียวฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นประชาชนชาวไต้หวันพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อหน้าที่ของพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างคุณประโยชน์มากยิ่งขึ้นให้แก่ภาคประชาสังคมอย่างเต็มที่ต่อไป
 
รองปธน.เซียวฯ ชี้ว่า ไต้หวันให้ความสำคัญกับสิทธิขั้นพื้นฐาน สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของภาคประชาชน ซึ่งเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ พวกเราเชื่อว่า การปกป้องรากฐานทางนิติธรรม ภายใต้หลักการความโปร่งใสและความรับผิดชอบ มีความสำคัญต่อการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้าทางสังคมของพวกเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลายปีมานี้ ความขัดแย้งและความท้าทายที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วโลก ต่างเป็นการย้ำเตือนให้พวกเราตระหนักว่า ค่านิยมเหล่านี้มิใช่สิ่งที่ได้มาโดยธรรมชาติ กว่าที่ไต้หวันจะได้มาซึ่งประชาธิปไตยเช่นในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเราจึงจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในการเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยของไต้หวันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
 
รองปธน.เซียวฯ กล่าวอีกว่า เรายังมีภารกิจที่ต้องจัดการอีกมาก จึงขอเชิญชวนให้หุ้นส่วนในประชาคมโลก ประสานความร่วมมือกับไต้หวัน เพื่อพิจารณาทบทวนว่ามีส่วนใดที่ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข และคาดหวังที่จะเห็นแพลตฟอร์มความร่วมมือระดับนานาชาติทั่วโลก สามารถสร้างหลักประกันให้ประชาคมโลก และธำรงรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม
 
ในช่วงท้าย รองปธน.เซียวฯ ได้แสดงความชื่นชมต่อการประชุมเพื่อความโปร่งใสระดับนานาชาติที่เปิดฉากขึ้นในไต้หวัน เพื่อส่งเสริมให้พลเรือนและเจ้าหน้าที่องค์การนอกภาครัฐ สามารถเข้าร่วมอภิปรายได้อย่างทั่วถึง รองปธน.เซียวฯ เห็นว่า สังคมพลเรือนที่เปี่ยมด้วยพลังอันสดใส มีความสำคัญต่อการส่งเสริมความโปร่งใสและความรับผิดชอบของไต้หวันเป็นอย่างมาก
 
ระยะนี้ สำนักงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ลงนามใน “หนังสือคำมั่นว่าด้วยความโปร่งใสในการพิจารณาตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต(UNCAC) อย่างเป็นทางการ เพื่อขานรับต่อ “วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล” (International Anti-Corruption Day) นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดพิธีมอบรางวัลองค์กรโปร่งใส และการประชุมเพื่อความโปร่งใสแห่งไต้หวัน ประจำปี พ.ศ. 2567 อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไต้หวันในการดำเนินการตามบทบัญญัติใน  “อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต” และเป็นการยกระดับความโปร่งใสในกระบวนการพิจารณาตรวจสอบรายงานแห่งชาติ ภายใต้อนุสัญญา UNCAC นอกจากนี้ ในวันที่ 10 ธันวาคม 2567 กระทรวงยุติธรรม – กระทรวงคมนาคม ยังได้ร่วมมือกันจัด “การแลกเปลี่ยนระดับนานาชาติว่าด้วยความโปร่งใสในไต้หวัน” เพื่อนำแขกผู้มาเยือนจากองค์กร TI และลิทัวเนีย ลงพื้นที่สำรวจประสิทธิผลของ “แพลตฟอร์มความโปร่งใสของการจัดซื้อในหน่วยงานภาครัฐ” และร่วมอภิปรายแนวโน้มใหม่ของการต่อต้านการทุจริตในระดับสากล
 
กิจกรรมในครั้งนี้ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแนวคิดความโปร่งใสทางการเมืองระดับนานาชาติ แสดงให้เห็นถึงคำมั่นอันหนักแน่นของไต้หวันที่ต้องการจะผลักดันความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส และการพัฒนาที่ยั่งยืน Mr. Valérian กล่าวในระหว่างกิจกรรมว่า “ความซื่อสัตย์สุจริตและประสิทธิภาพมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด ในกระบวนการแสวงหาความโปร่งใส การผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรสาธารณะเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวโน้มสำคัญระดับโลกในการต่อต้านการทุจริตอีกด้วย” โดย Mr. Valérian ได้แสดงความชื่นชมต่อการเมืองอันโปร่งใสของไต้หวัน ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าในการเป็นหลักอ้างอิงให้แก่ประชาคมโลกต่อไป