ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของกลุ่มผู้ประกอบการไต้หวันในจีนแผ่นดินใหญ่ ประจำปี 2568
2025-02-04
New Southbound Policy。ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของกลุ่มผู้ประกอบการไต้หวันในจีนแผ่นดินใหญ่ ประจำปี 2568 (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของกลุ่มผู้ประกอบการไต้หวันในจีนแผ่นดินใหญ่ ประจำปี 2568 (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 3 ก.พ. 68
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “งานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของกลุ่มผู้ประกอบการไต้หวันในจีนแผ่นดินใหญ่ ประจำปี 2568” พร้อมกล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาลคือการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของไต้หวัน ซึ่งนอกจากจะผลักดัน “โครงการการลงทุนในไต้หวัน 3 รายการหลัก” แล้ว ยังจะมุ่งรักษาสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดี ปธน.ไล่ฯ ย้ำจุดยืนว่า ในฐานะผู้นำไต้หวัน ตนจะยึดมั่นในพันธกิจ 3 ประการหลัก โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทุกคนมุ่งมั่นสามัคคีเพื่อประเทศชาติต่อไป
 
ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า ด้วยความมุ่งมั่นพยายามในอุตสาหกรรมทุกแขนงของประชาชนไต้หวัน จำนวน 23 ล้านคน เมื่อเทียบกับประชาคมโลก เฉพาะในปีที่แล้ว อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไต้หวัน สูงแตะร้อยละ 4.2 ถือเป็นอันดับ 1 ในบรรดาสี่เสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย ซึ่งแซงหน้าสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป นับว่าเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ทุกคนมุ่งมั่นพยายามมาร่วมกัน
 
ปธน.ไล่ฯ ชี้อีกว่า หน้าที่ของรัฐบาลคือการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของไต้หวัน ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการผลักดัน “โครงการการลงทุนในไต้หวัน 3 รายการหลัก” ซึ่งประกอบด้วย (1) การเปิดรับให้ผู้ประกอบการไต้หวัน กลับเข้ามาลงทุนในไต้หวัน (2) การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพิ่มเงินลงทุนในสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น และ (3) มุ่งผลักดันการลงทุนของกลุ่มผู้ประกอบการที่ตั้งรากฐานในไต้หวัน โดยรัฐบาลได้ขยายระยะเวลาออกไปจนถึงปี 2570
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะมุ่งพัฒนาสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดี ด้วยการพิจารณาทบทวนองค์ประกอบสำคัญๆ อย่าง การประปา ไฟฟ้า ที่ดิน กำลังแรงงานและบุคลากร เป็นต้น ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของดัชนีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ 3 รายการ ประการแรกคือดอกเบี้ย เพื่อเลี่ยงการเพิ่มต้นทุนการลงทุนของผู้ประกอบการ ประการที่สองคืออัตราแลกเปลี่ยน โดยธนาคารกลางและสภาบริหารจะมุ่งรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และประการสุดท้ายคือ อัตราเงินเฟ้อ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของไต้หวันในปี 2567 ขยายตัวขึ้นร้อยละ 2 โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในปีนี้จะสามารถควบคุมให้อยู่ในร้อยละ 1.8 และ 1.9 ได้
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ในฐานะผู้นำไต้หวัน ตนจะยึดมั่นในพันธกิจ 3 ประการหลักด้วยกัน ประการแรกคือ การมุ่งพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน โดยปธน.ไล่ฯ จะสืบสานข้อบัญญัติ 4 ประการที่ยื่นเสนอโดยอดีตปธน.ไช่อิงเหวิน ประกอบด้วย (1) การยืนหยัดในระบอบรัฐธรรมนูญที่เปี่ยมด้วยเสรีภาพและประชาธิปไตย (2) การยืนหยัดในจุดยืนที่ว่า สาธารณรัฐจีนและสาธารณรัฐประชาชนจีน มิได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน (3) การยืนหยัดในอำนาจอธิปไตยที่แข็งแกร่งของไต้หวัน และ (4) การยืนหยัดในทิศทางแห่งอนาคตของไต้หวัน ที่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนชาวไต้หวัน จำนวน 23 ล้านคน โดยบทบัญญัติ 4 ประการข้างต้นนี้ ได้รับการยอมรับจากภาคประชาชนไต้หวันกว่าร้อยละ 80
 
ส่วนพันธกิจประการที่สองคือ การคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและความมั่นคงทางทรัพย์สินของภาคประชาชนทั่วประเทศ โดยปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ปัจจุบัน สังคมระหว่างประเทศล้วนใช้การแสดงอำนาจมาแสวงหาสันติภาพ ไต้หวันก็เช่นกัน ปธน.ไล่ฯ ยึดมั่นใน “แผนปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ 4 มิติ” ซึ่งประกอบด้วย (1) การเสริมสร้างศักยภาพทางกลาโหม ด้วยการจัดเพิ่มงบประมาณเพื่อใช้ในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง (2) การพัฒนาทางเศรษฐกิจ ด้วยการวางรากฐานที่มั่นคงในไต้หวัน เพื่อแผ่ขยายไปสู่ประชาคมโลก และประชาสัมพันธ์สู่เวทีนานาชาติ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ระบบเศรษฐกิจมีความก้าวหน้าและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น (3) การเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางประชาธิปไตย เนื่องจากไต้หวันมีความเป็นประชาธิปไตย จึงควรที่จะยืนหยัดเคียงข้างพันธมิตรแห่งประชาธิปไตย ในการสกัดกั้นแรงกดดันจากภายนอก มุ่งพิชิตเป้าหมายแห่งสันติภาพด้วยศักยภาพ และหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามด้วยการเตรียมตัวล่วงหน้าให้มีความพร้อม และ (4) ไต้หวันยินดีที่จะร่วมเจรจาแลกเปลี่ยนกับจีน บนพื้นฐานของการเคารพในศักดิ์ศรีที่เท่าเทียม และปราศจากซึ่งเงื่อนไขทางการเมือง โดยหวังที่จะเสริมสร้างความเข้าใจ การให้อภัย อันจะนำไปสู่เป้าหมายแห่งสันติภาพ ปธน.ไล่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สองฝั่งช่องแคบไต้หวันควรใช้การแลกเปลี่ยนมาแทนที่การปิดกั้น ใช้การเจรจามาแทนที่การต่อต้าน พร้อมรำลึกอยู่เสมอว่า ศัตรูร่วมกันของพวกเราคือภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป้าหมายร่วมกันของเราคือ สวัสดิภาพและความผาสุกของประชาชน ด้วยเหตุนี้ ภายใต้ช่วงเวลาที่สถานการณ์ระหว่างประเทศมีความผันผวนไม่แน่นอน สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน จึงควรที่จะเปิดการเจรจาแลกเปลี่ยน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแห่งสันติภาพร่วมกัน
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวอีกว่า พันธกิจประการที่สามคือ การดูแลวิถีชีวิตของประชาชนชาวไต้หวัน จำนวน 23 ล้านคน โดยในช่วงปีแรกของการขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวัน ปธน.ไล่ฯ ก็ได้มีการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมาอยู่ที่ระดับ 28,590 เหรียญไต้หวันต่อเดือน นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับเพิ่มเงินเดือนของข้าราชการและทหาร ซึ่งนอกจากการปรับเพิ่มค่าตอบแทนแล้ว ยังปรับลดค่าภาษีควบคู่ไปด้วย
 
อนึ่ง รัฐบาลยังได้จัดเพิ่มมาตรการการดูแลภาคประชาสังคมอย่างครอบคลุม อาทิ “โครงการดูแลเด็กอายุ 0-6 ปี” เพื่อช่วยบรรเทาภาระของครัวเรือน “การดูแลผู้สูงอายุระยะยาว เวอร์ชัน 3.0” และการยกเว้นค่าธรรมเนียมการศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวศึกษา และนโยบายการส่ให้เงินอุดหนุนค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียม สำหรับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยของภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ “โครงการกองทุนสานฝันเยาวชนในต่างแดนมูลค่าหมื่นล้านเหรียญ” ก็มีผลบังคับใช้แล้วในปัจจุบัน จึงขอส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่ชาวไต้หวัน ช่วงวัย 15 – 30 ปี มุ่งสานฝันบนเส้นทางในต่างแดนอย่างกล้าหาญ
 

ข่าวยอดนิยม