ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 4 ก.พ. 68
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าว “วันมะเร็งโลก ประจำปี 2568” พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้ รัฐบาลกำลังมุ่งขยายรายการตรวจคัดกรองและกลุ่มเป้าหมายโรคมะเร็ง เพื่อมุ่งเน้นการตรวจคัดกรองพันธุกรรมและการพัฒนาการแพทย์แม่นยำ พร้อมทั้งจัดตั้ง “กองทุนยาต้านมะเร็งตัวใหม่” โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งมอบกลไกการดูแลที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นให้แก่กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผ่านการป้องกัน การตรวจคัดกรอง การรักษาและการฟื้นฟูในภายหลัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลง 1/3 ภายในปี 2573
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า วันนี้เป็น “วันมะเร็งโลก” (World Cancer Day, WCD) ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มุ่งมั่นในการป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของประชาชนในประเทศมาตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ทุกปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งกว่า 50,000 ราย นับเป็นอันดับ 1 ของสาเหตุการตายของชาวไต้หวัน และเป็นภัยสุขภาพของหลายประเทศอีกด้วย ซึ่งในสหรัฐฯ ทั้งในช่วงที่อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และโจ ไบเดน ดำรงตำแหน่งต่างก็เคยเสนอโครงการป้องกันโรคมะเร็งระดับชาติ
หลังปธน.ไล่ฯ ขึ้นดำรงตำแหน่ง ได้ทำการจัดตั้ง “คณะกรรมการส่งเสริมสุขภาพไต้หวัน” โดยได้เสนอนโยบายต้านโรคมะเร็ง พร้อมตั้งเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม โดยหวังบรรลุเป้าหมายการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลง 1/3 ภายในปี 2573 นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะจัดทำ “กฎบัตรด้านสุขภาพ” เพื่อกำหนดมิให้โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญระดับประเทศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของภาคประชาชน และมุ่งแก้ไขปัญหาการยับยั้งเซลล์มะเร็งอย่างกระตือรือร้น โดยยึดมั่นในหลักการที่ว่า ป้องกันดีกว่าแก้ไข ทั้งนี้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่ปลอดภัยให้แก่ภาคประชาชน
สำหรับแนวทางการป้องกันโรคมะเร็งอย่างเป็นรูปธรรม ปธน.ไล่ฯ ได้เสนอแนวทาง 3 ประการหลัก ประการแรก ในปีนี้ รัฐบาลได้จัดเพิ่มงบประมาณส่วนกลาง จำนวน 4,000 ล้านเหรียญไต้หวัน พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณการตรวจคัดกรองเซลล์มะเร็ง รวมมูลค่า 6,000 ล้านเหรียญไต้หวันขึ้นไป เพื่อขยายรายการและกลุ่มเป้าหมายการตรวจคัดกรอง ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวทันทีที่ตรวจพบโรค เพื่อสร้างหลักประกันด้านสุขภาพให้แก่ภาคประชาชน แต่น่าเสียดายที่การพิจารณางบประมาณโดยสภานิติบัญญัติในปีนี้ ได้ตัดงบประมาณการตรวจคัดกรองเซลล์มะเร็งในสัดส่วนร้อยละ 10 และถูกอายัดไว้ในสัดส่วนร้อยละ 30 อย่างไรก็ตาม พรรครัฐบาลจะทำการเจรจากับพรรคฝ่ายค้านอย่างกระตือรือร้นต่อไป เนื่องจากการป้องกันโรคมะเร็งและการคุ้มครองสุขภาพของภาคประชาชน เป็นประเด็นที่ไม่สมควรมีการแบ่งแยกฝักฝ่าย
ประการที่สองคือ พวกเรามุ่งเน้นการตรวจคัดกรองพันธุกรรมโรคมะเร็ง และการพัฒนาการแพทย์แม่นยำ ซึ่งขณะนี้ “การวิเคราะห์ลำดับเบส” (Next Generation Sequencing, NGS) ได้ถูกบรรจุเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว เพื่อให้กลุ่มผู้ป่วยได้รับการรักษาที่แม่นยำและสอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคล ประการที่สามคือ การจัดตั้ง “กองทุนยาต้านมะเร็งตัวใหม่” โดยในปีนี้จะทำการอัดฉีดงบ 5,000 ล้านเหรียญไต้หวันจากงบประมาณส่วนกลาง ซึ่งในอนาคต อาจจะสามารถพัฒนาไปสู่การบรรลุเป้าหมาย 10,000 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยอ้างอิงจากสถานการณ์การใช้งานจริง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของกลุ่มผู้ป่วย
