ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วม “พิธีเปิดการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศ เมืองแฮลิแฟกซ์” ที่จัดขึ้นในกรุงไทเป (HFX Taipei)
2025-02-21
New Southbound Policy。ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วม “พิธีเปิดการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศ เมืองแฮลิแฟกซ์” ที่จัดขึ้นในกรุงไทเป (HFX Taipei) (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วม “พิธีเปิดการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศ เมืองแฮลิแฟกซ์” ที่จัดขึ้นในกรุงไทเป (HFX Taipei) (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 20 ก.พ. 68
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “พิธีเปิดการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศ เมืองแฮลิแฟกซ์” ที่จัดขึ้นในกรุงไทเป (Halifax International Security Forum, HFX Taipei) โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศ เมืองแฮลิแฟกซ์ ที่มุ่งให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มกำลัง และจัดให้ไต้หวันเป็นฐานการประชุมแรกนอกเหนือจากทวีปอเมริกาเหนือ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อน ปธน.ไล่ฯ จึงเรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักว่า ตราบใดที่ประเทศลัทธิอำนาจนิยมยังคงเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง พันธมิตรแห่งประชาธิปไตยก็ควรประสานสามัคคีให้เป็นปึกแผ่นมากยิ่งขึ้น ในการร่วมสร้าง “ระบบห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” (Non – red Supply Chain) พร้อมนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังย้ำว่า ขณะนี้ นอกจากไต้หวันจะมุ่งธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันแล้ว ยังได้ร่วมจัดตั้งสมาพันธ์อุตสาหกรรมห่วงโซ่อุตสาหกรรมแผ่นชิป AI ระดับสากล อีกด้วย
 
คำปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษของปธน.ไล่ฯ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ :
 
การประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศ เมืองแฮลิแฟกซ์ มีกำหนดการจัดการประชุมประจำปีขึ้นในประเทศแคนาดาเป็นประจำทุกปี ถือเป็นเวทีการประชุมที่สำคัญของประเทศทั่วโลกที่ยึดมั่นในหลักการเสรีภาพ
 
ข้าพเจ้าขอขอบคุณ Mr. Peter Van Praagh ประธานการประชุม HFX และหน่วยงานการประชุม HFX ที่มุ่งให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่น ซึ่งได้เชิญไต้หวันเข้าร่วมการประชุมเป็นประจำทุกปี นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา โดยเมื่อปีที่แล้ว นอกจากจะเชิญอดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน เข้าร่วมแสดงปาฐกถาแล้ว ปีนี้ยังได้กำหนดให้ไต้หวันเป็นสถานที่จัดการประชุมนอกเหนือจากกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกาเหนือเป็นครั้งแรกด้วย
 
เฉกเช่นเดียวกับที่ Mr. Van Praagh เคยกล่าวไว้ว่า “แม้ว่าความท้าทายด้านความมั่นคงตรงหน้า จะหนักหนาจนดูเหมือนไม่สามารถได้รับการแก้ไขด้วยประเทศใดประเทศหนึ่งได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่พันธมิตรแห่งประชาธิปไตยประสานความร่วมมือกัน ก็ไม่มีความท้าทายใดที่ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้” การประชุมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ สามารถดึงดูดผู้นำและผู้เชี่ยวชาญของประเทศต่างๆ ให้เดินทางมารวมตัวกันที่ไต้หวัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการให้ความสำคัญและแสดงความสนับสนุนต่อไต้หวันแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของพันธมิตรแห่งประชาธิปไตย ที่มุ่งมั่นร่วมเผชิญหน้ารับมือกับความท้าทายในรูปแบบต่างๆ
 
ทุกท่านในที่นี้ล้วนเป็น “ผู้ผดุงเสรีภาพ” ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณและรู้สึกชื่นชมจากใจจริง แม้ว่าในปัจจุบัน ไฟสงครามรัสเซีย – ยูเครน จะยังไม่มอดดับ ประกอบกับการที่ทั้งจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศในระบอบเผด็จการ ได้สร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภัยคุกคามที่เกิดจากห่วงโซ่การผลิตของจีนที่ใช้วิธีการทุ่มตลาดด้วยราคาถูก ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นความสงบเรียบร้อยทางเศรษฐกิจ ประชาธิปไตย เสรีภาพ สันติภาพและเสถียรภาพ ต่างก็ประสบกับความท้าทายอย่างหนัก
 
ไต้หวันตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 ที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่เกิดจากกลุ่มเผด็จการ แต่ถึงกระนั้น พวกเราก็ไม่เกรงกลัว และพร้อมปกป้องอำนาจอธิปไตยของเรา ควบคู่ไปกับการธำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิตที่เปี่ยมด้วยประชาธิปไตยและเสรีภาพ ตลอดจนรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ไต้หวันยืนหยัดในวิสัยทัศน์เชิงสันติภาพ ที่มิใช่เพียงภาพในจินตนาการเท่านั้น แต่พวกเรายึดมั่นในจิตวิญญาณ “การพิชิตสันติภาพด้วยศักยภาพ” ด้วยการอาศัยวิธีการที่เป็นรูปธรรม ในการสรรสร้างไต้หวันที่ยิ่งใหญ่ ควบคู่ไปกับการยกระดับความแข็งแกร่งของกลุ่มประเทศประชาธิปไตยและเสรีภาพ
 
พวกเรารู้สึกขอบคุณประชาคมโลกที่เฝ้าจับตาต่อประเด็นช่องแคบไต้หวัน ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และ Mr. Ishiba Shigeru นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน ได้ร่วมประกาศแถลงการณ์ร่วมผู้นำ ระหว่างสหรัฐฯ - ญี่ปุ่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้สนับสนุนต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน และการเข้าร่วมกิจการระหว่างประเทศของไต้หวัน
 
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อน ข้าพเจ้าขอเรียกร้องต่อประชาคมโลกใน 3 มิติหลัก ประกอบด้วย ประการแรก ยิ่งประเทศลัทธิอำนาจนิยมสร้างความเชื่อมโยงต่อกันมากขึ้นเพียงใด พันธมิตรแห่งประชาธิปไตยก็ควรที่จะประสานสามัคคีอย่างกลมเกลียวมากขึ้นเท่านั้น หลายวันมานี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ได้พบปะเจรจากันเป็นครั้งแรก และร่วมแสดงจุดยืนเน้นย้ำความสำคัญของการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ตลอดจนแสดงจุดยืนว่า จะยืนหยัดเคียงข้างเพื่อต่อต้านพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย ความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงความมั่นคงและเสถียรภาพระดับโลก ในช่วงที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ประกาศจัดสรรงบประมาณพิเศษ เพื่อยกระดับงบประมาณทางกลาโหม ให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ร้อยละ 3 ของ GDP และหลังจากที่ข้าพเจ้าขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวันได้ไม่นาน ก็ได้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการความยืดหยุ่นทางภาคประชาสังคม” ด้วยการผนึกกำลังระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน ควบคู่ไปกับการยกระดับความยืดหยุ่นใน 4 มิติ ได้แก่ : กลาโหม ความเป็นอยู่ของพลเรือน การป้องกันภัยพิบัติและประชาธิปไตย โดยพวกเรามุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนในเชิงลึกกับพันธมิตรแห่งประชาธิปไตย เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นของการปกป้องประเทศระหว่างกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการสกัดกั้น อันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายสันติภาพระดับสากล
 
ประการที่สอง พวกเราจะมุ่งสรรสร้าง “ระบบห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” (Non – red Supply Chain) การที่พันธมิตรแห่งประชาธิปไตยจะสามารถสกัดกั้นการแผ่ขยายอำนาจเผด็จการได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นที่จะต้องมีศักยภาพทางเทคโนโลยีที่แกร่งกล้าที่สามารถเป็นแกนสำคัญทางกลาโหมได้ ควบคู่ไปกับการมุ่งส่งเสริมการพัฒนาทางอุตสาหกรรม ยกระดับความทรหดทางเศรษฐกิจ
 
ในฐานะที่ไต้หวันเป็นอาณาจักรแห่งเซมิคอนดักเตอร์ จึงได้ยื่นเสนอ “แผนริเริ่มว่าด้วยหุ้นส่วนระบบห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์แห่งประชาธิปไตย” เพื่อร่วมจัดตั้งสมาพันธ์อุตสาหกรรมห่วงโซ่อุตสาหกรรมแผ่นชิป AI ระดับสากล ความสำเร็จของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวันในวันนี้ เป็นผลอันเนื่องมาจากความมุ่งมั่นและพยายามร่วมกันตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ของแวดวงภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ ที่ได้ร่วมกันพิชิตความท้าทายนานาประการ จึงสามารถผลักดันให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ก้าวล้ำนำโลก
 
พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะบูรณาการทรัพยากรของพันธมิตรแห่งประชาธิปไตย โดยการตั้งรากฐานในไต้หวัน เพื่อส่งเสริมให้ทุกฝ่ายสวมบทบาทที่เหมาะสมในอุตสาหกรรมด้านเซมิคอนดักเตอร์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาข้อได้เปรียบของตนเอง ในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเทคโนโลยีที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ซึ่งนอกจากจะสอดคล้องต่อผลประโยชน์ร่วมกันของไต้หวันและนานาประเทศแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการยกระดับศักยภาพการสกัดกั้น เพื่อธำรงรักษาความมั่นคงระดับสากล ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
 
 และประการสุดท้าย พวกเราต้องประสานสามัคคีอย่างกลมเกลียว เพื่อแสงสว่างแห่งสันติสุข การคุกคามด้วยกำลังทหารและสงครามไซเบอร์จากจีนที่มีต่อไต้หวัน ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อปีที่แล้ว จีนได้ทำการซ้อมรบในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันเป็นวงกว้าง ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มความรุนแรงในการเข้าคุกคามด้วยกลยุทธ์พื้นที่สีเทาแล้ว ยังเป็นการสร้างความตึงเครียดต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ในฐานะที่พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ไต้หวันจะมุ่งธำรงรักษาสถานภาพเดิมของช่องแคบไต้หวัน โดยพวกเราจะไม่ยั่วยุท้าทาย และยินดีที่จะเปิดการเจรจากับจีน บนหลักการของความเท่าเทียมและสมศักดิ์ศรี เพื่อธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน
 
สาระสำคัญหลักของการประชุมในครั้งนี้คือ นอกจากประชาธิปไตยและเสรีภาพ จะสามารถสร้างโอกาสแล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนความยืดหยุ่น ความยุติธรรม ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนและความมั่นคงอีกด้วย