กระทรวงเศรษฐการ วันที่ 8 เม.ย. 68
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 นายเหอจิ้นชาง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน (Ministry of Economic Affairs, MOEA) ได้เข้าร่วม “การประชุมว่าด้วยการสร้างพลังรูปแบบใหม่ของประสิทธิภาพการใช้พลังงาน”ภายใต้ชื่อ 2025 ITRI NET ZERO DAY ที่จัดขึ้นโดยสถาบันวิจัยเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมไต้หวัน (ITRI) โดยในระหว่างการประชุม รมช.เหอฯ นอกจากจะให้การยอมรับต่อ ITRI สำหรับคุณูปการด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และการส่งเสริมการเข้าร่วมขององค์กรธุรกิจที่สำคัญๆ แล้ว ยังคาดหวังที่จะอัดฉีดแผนโซลูชันการแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพการใช้พลังงานเชิงดิจิทัล เข้าสู่การประยุกต์ใช้ในทุกภาคส่วนอุตสาหกรรม เพื่อพิชิตเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (NET ZERO) พร้อมกันนี้ รมช.เหอฯ ยังได้เน้นย้ำว่า นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญของการขับเคลื่อนประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยไต้หวันจะมุ่งผลักดันประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ผ่านกฎระเบียบและกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
MOEA แถลงว่า จากรายงานที่ประกาศโดยองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) จะเห็นได้ชัดว่า การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน นับว่าเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของการบรรลุเป้าหมาย NET ZERO ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา อัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานเฉลี่ยต่อปีของไต้หวัน อยู่ที่ร้อยละ 5.4% ซึ่งสูงกว่าอัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานโดยเฉลี่ย 4% ต่อปี ที่กำหนดโดยการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 28) อัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานเฉลี่ยรายปีของประเทศของฉันอยู่ที่ 5.4% ซึ่งเกินเป้าหมายการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานระดับโลกรายปี 4% ที่ตั้งไว้โดย COP28
MOEA เน้นย้ำว่า เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเพื่อบรรลุเป้าหมาย NET ZERO ทาง MOEA จึงได้มุ่งผลักดันกลไกประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในการดำเนินการผ่าน 3 แนวทาง ประกอบด้วย “การนำทัพโดย 10 รัฐวิสาหกิจระดับประเทศ” “การผนึกกำลังระหว่าง 9 หน่วยงานภาครัฐ” และ“การแผ่ขยายเป็นวงกว้างอย่างครอบคลุมของภาคอุตสาหกรรม”ขณะเดียวกัน MOEA ก็จะจัดสรรเงินอุดหนุนสำหรับการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น ที่สิ้นเปลืองพลังงานภายในครัวเรือน โดยคาดว่าภายในระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2567 – 2570 จะสามารถประหยัดการใช้พลังงานได้กว่า 20,600 ล้านหน่วย หรือเทียบเท่ากับประสิทธิภาพการลดก๊าซเรือนกระจกในปริมาณกว่า 10.18 ล้านตัน
จวบจนปลายเดือนมีนาคม 2568 กลไกประสิทธิภาพพลังงานสามารถช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานได้กว่า 5,600 หน่วย ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณการจ่ายพลังงานไฟฟ้าของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมายเลข 1 ของโรงไฟฟ้าไทจง จำนวน 2 รายการ และเป็นสัดส่วนที่มากกว่าปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าในจำนวน 1.34 ล้านครัวเรือนอีกด้วย พร้อมกันนี้ เพื่อสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ MOEA จึงได้จัดรวมกลุ่มเจ้าหน้าที่แนะแนวด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานแบบข้ามหน่วยงาน พร้อมทั้งจัดตั้งรูปแบบการปรับเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ตลอดจนกระตุ้นให้บริษัทจัดการพลังงาน (Energy Service Company, ESCO) เข้ามีส่วนร่วม
นอกจากนี้ นับตั้งแต่ ปี 2566 เป็นต้นมา MOEA ยังได้มุ่งผลักดันมาตรการอุดหนุนสำหรับการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น ที่สิ้นเปลืองพลังงานภายในครัวเรือน โดยมุ่งส่งเสริมให้ภาคประชาชนเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน เบอร์ 1 ซึ่งประชาชนสามารถยื่นขออนุมัติเงินอุดหนุนได้ 3,000 เหรียญไต้หวันต่อสินค้า 1 รายการ ตราบจนปลายเดือนมีนาคม 2568 ยอดสะสมการยื่นขอเงินอุดหนุนเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 3.472 ล้านรายการ MOEA แถลงว่า เนื่องจากงบประมาณเงินอุดหนุนของกระทรวงฯ ถูกแช่แข็งโดยสภานิติบัญญัติ จึงคาดว่าในปีนี้ เงินอุดหนุนที่สามารถขออนุมัติจะลดลงในปริมาณ 600,000 รายการ อีกทั้งระยะเวลาการยื่นคำร้องมีกำหนดการเปิดให้ลงทะเบียนจนถึงช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้เท่านั้น หรือจนกว่างบประมาณจะหมดลง จึงขอเรียกร้องให้ภาคประชาชนที่มีความประสงค์เร่งคว้าโอกาสนี้ไว้
MOEA ระบุว่า ในอนาคตจะทำการบูรณาการเครื่องมือเชิงนโยบายที่หลากหลาย เข้ากับเทคโนโลยีด้านพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้ เพื่อเร่งดำเนินการตามแผนประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดการสิ้นเปลืองพลังงานแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นการพัฒนาของอุตสาหกรรม ESCO อีกด้วย ตลอดจนเป็นการประสานความร่วมมือกับแวดวงอุตสาหกรรม มุ่งพิชิตเป้าหมาย NET ZERO ขณะเดียวกัน ก็คาดหวังที่จะเห็นภาคประชาชนให้ความร่วมมือในการรื้อถอนเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวเก่าที่สิ้นเปลืองพลังงาน เพื่อการบรรลุวิสัยทัศน์ NET ZERO ภายในปี 2593 ไปพร้อมๆ กัน
