ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไล่ชิงเต๋อ ให้การต้อนรับ Mr. Pete Ricketts ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชีย – แปซิฟิก แห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ และคณะตัวแทน
2025-04-21
New Southbound Policy。ปธน.ไล่ชิงเต๋อ ให้การต้อนรับ Mr. Pete Ricketts ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชีย – แปซิฟิก แห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ และคณะตัวแทน (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไล่ชิงเต๋อ ให้การต้อนรับ Mr. Pete Ricketts ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชีย – แปซิฟิก แห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ และคณะตัวแทน (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดีและกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 18 เม.ย. 68
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 เมษายน 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ได้ให้การต้อนรับ Mr. Pete Ricketts ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชีย – แปซิฟิก แห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ และคณะตัวแทน ที่มีกำหนดการเดินทางเยือนไต้หวันในช่วงระหว่างวันที่ 16 – 19 เมษายน 2568 โดยปธน.ไล่ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นหลักการ “ไต้หวันบวกหนึ่ง” หรือการผนึกกำลังระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ในการวางรากฐานใหม่ทางอุตสาหกรรม แสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของทั้งสองฝ่าย พร้อมมุ่งสู่การประสานความเชื่อมโยงและความร่วมมือเชิงลึกในด้านเศรษฐกิจ การค้าและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เป็นต้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการจัดตั้ง “ระบบห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” (Non – red Supply Chain) ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับวิกฤตความท้าทายต่างๆ อาทิ การเมืองเชิงภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการปรับโครงสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานโลก ผ่านความสัมพันธ์ทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าที่มั่นคงและยั่งยืน
 
เริ่มต้น ปธน.ไล่ฯ ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทน พร้อมทั้งขอบคุณ Mr. Ricketts และ Mr. Chris Coons หัวหน้าพรรคเดโมแครต สำหรับการให้ความสำคัญและการสนับสนุนต่อไต้หวัน พร้อมระบุว่า ภายใต้การสนับสนุนของ 2 สมาชิกสภาข้างต้น ที่ผ่านมา รัฐสภาสหรัฐฯ ได้ทยอยลงมติผ่าน “กฎหมายการป้องกันประเทศ” (National Defense Authorization Act, NDAA) และ “กฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี” (Consolidated Appropriations Act) ที่มีการกำหนดแผนการและทรัพยากรการให้ความช่วยเหลือไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ เกิดความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น
 
ปธน.ไล่ฯ แถลงว่า รัฐสภาสหรัฐฯ ต่างมุ่งให้การสนับสนุนความมั่นคงในช่องแคบไต้หวันโดยไม่แบ่งแยกฝักฝ่าย เมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามด้วยกำลังทหารและการโจมตีทางไซเบอร์จากจีน ไต้หวันจะมุ่งผลักดันการปฏิรูปทางกลาโหม ควบคู่ไปกับการยกระดับความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคม และจัดสรรงบประมาณกลาโหมให้เพิ่มสูงขึ้นในสัดส่วนร้อยละ 3 ของ GDP จากเดิมที่ร้อยละ 2.5% ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับศักยภาพการป้องกันประเทศด้วยตนเอง
 
Mr. Ricketts กล่าวขณะปราศรัยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งมั่นในการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก และคาดหวังที่จะเห็นสันติภาพคงอยู่ในช่องแคบไต้หวันต่อไป พร้อมแสดงจุดยืนหนักแน่นว่า สหรัฐฯ ต่อต้านพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในช่องแคบไต้หวันที่เกิดจากความเห็นชอบเพียงฝ่ายเดียว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นความขัดแย้งระหว่างไต้หวัน - จีน ได้รับการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี มิใช่ด้วยแรงกดดันหรือภัยคุกคามทางทหาร
 
Mr. Ricketts กล่าวว่า สหรัฐฯ ยินดีที่จะเห็นไต้หวันเข้าร่วมและก้าวสู่การเป็นสมาชิกในองค์การระหว่างประเทศ พร้อมกันนี้ Mr. Ricketts ยังส่งเสริมให้ไต้หวันร่วมแลกเปลี่ยนกับประเทศพันธมิตรทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและกลุ่มประเทศที่ยุติความสัมพันธ์ระหว่างกันไปก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีต่อกันในเชิงลึก โดย Mr. Ricketts ยังระบุอีกว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ มีความสำคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองทางความมั่นคงในระดับทวิภาคีและระดับโลกเป็นอย่างมาก Mr. Ricketts เชื่อว่า ไต้หวัน – สหรัฐฯ มีโอกาสมากมายในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าในหลากหลายแง่มุม ทั้งนี้ เพื่อสร้างความผาสุกให้แก่ภาคประชาชนของทั้งสองฝ่าย และส่งเสริมให้ประชาคมโลกมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
 
Mr. Ricketts เน้นย้ำว่า การเดินทางเยือนไต้หวันของคณะตัวแทน ในระหว่างที่รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ เพิ่งก้าวสู่การดำรงตำแหน่ง ก็เพื่อหวังที่จะประสานความร่วมมือกับไต้หวัน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาไปในด้านความมั่นคง การทูตและเศรษฐกิจ
 
ลำดับต่อมา Mr. Coons กล่าวปราศรัยว่า คณะตัวแทนกลุ่มนี้ยังมีกำหนดการเดินทางเยือนฟิลิปปินส์ โดยในระหว่างการเยือนฟิลิปปินส์และไต้หวัน คณะตัวแทนได้มุ่งเน้นความสำคัญไปที่สันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคง รวมไปถึงแนวทางการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและความมั่นคงแบบทวิภาคีในเชิงลึก พร้อมกล่าวว่า เมื่อ 46 ปีก่อน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” ที่มีมติผ่านโดยวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างหนักแน่นจากรัฐสภาสหรัฐฯ แบบข้ามพรรค มาตราบจนปัจจุบัน ซึ่งเนื้อความในกฎหมายข้างต้นได้ระบุถึงคำมั่นหลักๆ ไว้ดังนี้ : สหรัฐฯ จะเข้าร่วมในการเป็นหุ้นส่วนของไต้หวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างหลักประกันให้มั่นใจว่า ไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งใดๆ ขึ้นในช่องแคบไต้หวัน พวกเราจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยสันติวิธี โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะส่งมอบทรัพยากรที่ไต้หวันต้องการในการเสริมสร้างแสนยานุภาพทางกลาโหมของตนเอง
 
Mr. Coons เชื่อว่า มิตรภาพระหว่างบุคคลสามารถรักษาไว้ได้อย่างยาวนาน ซึ่งไม่เพียงแต่พิจารณาจากผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ยังต้องตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานทางค่านิยมเดียวกัน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ก็เป็นเช่นนี้ เสรีภาพสื่อ เสรีภาพทางการค้า เสรีภาพทางสังคม และระบอบประชาธิปไตย ค่านิยมพื้นฐานร่วมกันเหล่านี้ถือเป็นรากฐานที่เสริมสร้างมิตรภาพและความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างกันให้คงอยู่อย่างยั่งยืน โดย Mr. Coons ยังถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อผู้ประกอบการไต้หวันหลายรายที่เข้าร่วมลงทุนมูลค่ามหาศาลในสหรัฐฯ
 
ระหว่างการพำนักในไต้หวัน คณะตัวแทนนอกจากจะเข้าพบคารวะปธน.ไล่ฯ แล้ว ยังมีกำหนดการเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารที่จัดต้อนรับโดยรองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉิน และนายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ สถานการณ์ความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน และการเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก เป็นต้น

ข่าวยอดนิยม