ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ทูตพิเศษหลินฯ และสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดใช้ “คลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์” และร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดใช้ศูนย์ติดตามตรวจสอบ“รัฐบาลยุค 5G ของเอสวาตินีและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ” กับนรม.เอสวาตินี พร้อมกันนี้ ทูตพิเศษหลินฯ ยังได้ประกาศอัดฉีดงบประมาณเพิ่มเติมเข้าสู่ “กองทุนหมุนเวียนสินเชื่อขนาดเล็กสำหรับการประกอบธุรกิจของสตรี” สำหรับเอสวาตินี
2025-04-25
New Southbound Policy。ทูตพิเศษหลินฯ และสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดใช้ “คลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์” และร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดใช้ศูนย์ติดตามตรวจสอบ“รัฐบาลยุค 5G ของเอสวาตินีและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ” กับนรม.เอสวาตินี พร้อมกันนี้ ทูตพิเศษหลินฯ ยังได้ประกาศอัดฉีดงบประมาณเพิ่มเติมเข้าสู่ “กองทุนหมุนเวียนสินเชื่อขนาดเล็กสำหรับการประกอบธุรกิจของสตรี” สำหรับเอสวาตินี (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
ทูตพิเศษหลินฯ และสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดใช้ “คลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์” และร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดใช้ศูนย์ติดตามตรวจสอบ“รัฐบาลยุค 5G ของเอสวาตินีและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ” กับนรม.เอสวาตินี พร้อมกันนี้ ทูตพิเศษหลินฯ ยังได้ประกาศอัดฉีดงบประมาณเพิ่มเติมเข้าสู่ “กองทุนหมุนเวียนสินเชื่อขนาดเล็กสำหรับการประกอบธุรกิจของสตรี” สำหรับเอสวาตินี (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 24 เม.ย. 68
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 เมษายน 2568 นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ในนามทูตพิเศษที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้เดินทางเยือนทำเนียบนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าพบ H.E. Russell Dlamini นายกรัฐมนตรีเอสวาตินี พร้อมแสดงความขอบคุณต่อ นรม. Dlamini สำหรับการเชิญชวนในครั้งนี้ หลังจากที่ นรม. Dlamini เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 ก็ได้นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันในเดือนมีนาคมของปี 2567 พร้อมทั้งร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันในฐานะตัวแทนรัฐบาลเอสวาตินี บนเวทีนานาชาติที่สำคัญ ทั้งการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ และการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 29 (UNFCCC COP 29) เพื่อแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างหนักแน่นที่มีต่อมิตรภาพระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินี
 
นรม. Dlamini กล่าวให้การต้อนรับการมาเยือนของคณะตัวแทนไต้หวัน พร้อมทั้งแสดงจุดยืนแน่ชัดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - เอสวาตินี แข็งแกร่งดุจหินผา พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า เอสวาตินีเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย มีสิทธิในการตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคมกับประเทศใดก็ได้ โดยที่ประเทศอื่นๆ ไม่สามารถเข้าแทรกแซงได้ ซึ่งเอสวาตินีตั้งมั่นไว้ว่า จะยืนหยัดเคียงข้างไต้หวันอย่างต่อเนื่องไม่เปลี่ยนแปลง
 
โดยในช่วงเช้าของวันที่ 23 เมษายน 2568 ทูตพิเศษหลินฯ ได้เข้าพบปะกับ H.E. Thulisile Dladla รองนายกรัฐมนตรีเอสวาตินี H.E. Pholile Shakantu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ รวมถึง H.E. Manqoba Khumalo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการค้าของเอสวาตินี ตลอดจนเข้าร่วมในพิธีแสดงผลสัมฤทธิ์ว่าด้วย “กองทุนหมุนเวียนสินเชื่อขนาดเล็กสำหรับการประกอบธุรกิจของสตรี” ระหว่างไต้หวัน - เอสวาตินี
 
ทูตพิเศษหลินฯ แถลงว่า รัฐบาลไต้หวันได้ประกาศทุ่มงบประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มสตรีในพื้นที่ชนบทการเกษตร ให้ได้รับโอกาสการสนับสนุนด้วยกองทุนเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับรายได้ครัวเรือน ตลอดจนเป็นการกระตุ้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของเอสวาตินี ซึ่งตลอดระยะเวลาปีกว่าที่ผ่านมา กรณีการยื่นขออนุมัติสินเชื่อจากกองทุนข้างต้น มีจำนวนกว่า 500 รายการแล้ว ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของภาคประชาชนชาวเอสวาตินี และส่งเสริมให้กลุ่มสตรีสามารถพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจได้อย่างพอเพียง โดยมีผู้ที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการกองทุนฯ ตั้งชื่อทารกน้อยของตนว่า “Taiwan” เพื่อแสดงความขอบคุณต่อไต้หวันสำหรับการส่งมอบความช่วยเหลือ โดยทูตพิเศษหลินฯ ยังถือโอกาสนี้ประกาศว่า รัฐบาลไต้หวันจะอัดฉีดงบประมาณอีกจำนวน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าสู่กองทุนฯ เพื่อส่งเสริมให้เกิดวัฏจักรที่ดีเช่นนี้ ยังคงดำเนินต่อไป อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงคำมั่นที่ไต้หวันมีต่อเอสวาตินีด้านการส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจ
 
ในช่วงบ่ายของวันที่ 23 เมษายน 2568 ทูตพิเศษหลินฯ มีกำหนดการเข้าพบคารวะ H.M. Ntombi Tfwala สมเด็จพระบรมราชชนนี และสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 (H.M. King Mswati Ⅲ) พร้อมเข้าร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดใช้คลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve, SPR)
 
ทั้งสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 และสมเด็จพระบรมราชชนนี ต่างแสดงความขอบคุณปธน.ไล่ฯ ที่ได้มอบหมายให้รมว.หลินฯ นำคณะตัวแทนเดินทางมาเข้าร่วมพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 57 พรรษาของสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ทั้งยังรวมถึงความช่วยเหลือที่ไต้หวันส่งมอบต่อโครงสร้างพื้นฐานในเอสวาตินี ซึ่งสวมบทบาทสำคัญในการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเอสวาตินี โดยสมเด็จทั้ง 2 พระองค์ยังเน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินี จะคงดำเนินไปอย่างมีเสถียรภาพ โดยรัฐบาลเอสวาตินีจะให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างหนักแน่นต่อไป
 
จากนั้น ในช่วงเช้าของวันที่ 24 เมษายน 2568 ทูตพิเศษหลินฯ เดินทางเยือนกรุงอึมบาบานี เมืองหลวงของเอสวาตินี เพื่อทำหน้าที่เป็นประธานร่วมกับ นรม. Dlamini ในพิธีเปิดใช้ศูนย์ติดตามตรวจสอบ“รัฐบาลยุค 5G ของเอสวาตินีและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ” โดยหลังจากที่ทูตพิเศษหลินฯ ได้ร่วมพูดคุยหารือกับ รมว. Shakantu แล้ว ทั้ง 2 รมว.ก็ได้ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ด้านการป้องกันการบิดเบือนข้อมูล และการส่งเสริมความสมบูรณ์ของข้อมูล ระหว่างไต้หวัน - เอสวาตินี” และ “แถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ” เพื่อเป็นหลักประกันว่า ทั้งสองฝ่ายจะประสานความร่วมมือในการสกัดกั้นการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ควบคู่ไปกับการเปิดอภิปรายในประเด็นความร่วมมือด้านกิจการแรงงาน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะยกระดับศักยภาพการแข่งขันด้านวิชาชีพของบุคลากรในเอสวาตินีและระดับภูมิภาค ผ่านการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางเทคโนโลยีและการพัฒนาทางอุตสาหกรรมแบบทวิภาคี อันจะนำไปสู่การพิชิตเป้าหมายการสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินี ในภายภาคหน้าต่อไป
 
ทูตพิเศษหลินฯ กล่าวปราศรัยในระหว่างพิธีฯ โดยระบุว่า ไต้หวันมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลเอสวาตินี ติดตั้งเครือข่ายไร้สายยุค 5G ด้วยการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่ง การรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม และการป้องกันภัยพิบัติ เพื่อผลักดันให้กรุงอึมบาบานีก้าวขึ้นสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ และค่อยๆ แผ่ขยายไปสู่พื้นที่ต่างๆ ในเอสวาตินี ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายการส่งเสริมให้เอสวาตินีเป็นประเทศที่ครอบคลุมซึ่งเครือข่าย 5G อันจะเป็นการก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยไต้หวันจะมุ่งจับมือกับเอสวาตินีอย่างต่อเนื่อง และพร้อมให้ความช่วยเหลือรัฐบาลเอสวาตินีจัดตั้งสมาร์ทเนชัน ตลอดจนชี้นำให้กลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกา ก้าวสู่การพัฒนาควบคู่ไปพร้อมๆ กัน
 
โอกาสนี้ รมว. Shakantu ได้แสดงความขอบคุณต่อไต้หวันที่ให้การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานในเอสวาตินีมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการส่งมอบความช่วยเหลือในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและเมืองอัจฉริยะ ซึ่งมีส่วนช่วยในการยกระดับสวัสดิการของภาคประชาชนชาวเอสวาตินีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบบที่เกี่ยวข้องยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการป้องกันภัยพิบัติได้ในภายภาคหน้า สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินี มีบทบาทความสำคัญต่อเอสวาตินีมากเพียงใด
 
ทูตพิเศษหลินฯ กล่าวว่า ภายใต้ยุคสมัยดิจิทัลที่เกลื่อนไปด้วยข่าวปลอม ไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกโจมตีด้วยข่าวปลอมจากประเทศภายนอกรุนแรงที่สุด ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงมีประสบการณ์ด้านการป้องกันและรับมือกับข่าวปลอมอย่างมีประสิทธิภาพ และยินดีที่จะแบ่งปันให้แก่เอสวาตินี นำไปอ้างอิงประยุกต์ใช้ นอกจากนี้ ไต้หวัน – เอสวาตินี ยังได้ร่วมจัดตั้งคณะทำงานในประเด็นที่เกี่ยวกับการฝึกอบรมวิชาชีพและกิจการแรงงาน โดยหวังที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เอสวาตินีในการเสริมสร้างแนวทางการฝึกอบรมวิชาชีพ เพื่อกระตุ้นการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันมีกลุ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
 
รมว. Shakantu ระบุว่า เนื่องจากเอสวาตินีต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่เกิดจากการแพร่สะพัดข่าวปลอม เชื่อว่าการลงนาม MOU ระหว่างกันในครั้งนี้ จะสามารถช่วยให้เอสวาตินีสามารถรับมือกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ