กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 27 เม.ย. 68
เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2568 นายหลินเจียหรง ทูตพิเศษที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ให้เดินทางเยือนราชอาณาจักรเอสวาตินี เสร็จสิ้นภารกิจอย่างราบรื่นและเดินทางกลับสู่ประเทศมาตุภูมิแล้วโดยสวัสดิภาพ
วันสุดท้ายของการพำนักอาศัยในเอสวาตินี ทูตพิเศษหลินฯ ได้ประกาศแจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน และ Big Game Parks องค์การอนุรักษ์สัตว์ในเอสวาตินี ยินดีประสานความร่วมมือกันผลักดันการอนุรักษ์สัตว์ป่า พร้อมอัดฉีดงบประมาณจำนวน 1 ล้านลิลังเจนีสวาซิแลนด์ เพื่อช่วยอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยของแรดไรโนซอรัส ภายใต้การร่วมเป็นสักขีพยานของ Ms. Pholile Shakantu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ Ms. Jane Mkhonta รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของเอสวาตินี ในโอกาสนี้ ทูตพิเศษหลินฯ ยังได้รับเกียรติให้ตั้งชื่อลูกแรดเกิดใหม่ในอุทยานแห่งนี้ว่า Formosa ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดี ระหว่างไต้หวัน - เอสวาตินีแล้ว ยังเป็นการสื่อให้เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายได้ขยายขอบเขตความร่วมมือไปสู่การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพแล้ว
ทูตพิเศษหลินฯ กล่าวแสดงความขอบคุณต่อ Big Game Parks ที่มุ่งอุทิศคุณประโยชน์ในภารกิจการอนุรักษ์อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนี้ ทูตพิเศษหลินฯ ยังชี้แจงว่า ไต้หวันให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และตระหนักว่าสิ่งมีชีวิตทุกประเภท มีส่วนสำคัญในการอยู่รอดของมนุษย์ และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ รัฐบาลไต้หวันนอกจากจะให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ระบบนิเวศแล้ว ยังได้บัญญัติ “กฎหมายการอนุรักษ์สัตว์ป่า” พร้อมทั้งกำหนดให้อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora, CITES) ได้รับการบัญญัติเข้าสู่ระบบกฎหมายภายในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการมุ่งดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการปราบปรามการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในทางที่ผิดกฎหมาย
ระหว่างการเดินทางเยือนในครั้งนี้ คณะตัวแทนมีกำหนดการเข้าพบคารวะสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 และสมเด็จพระบรมราชชนนี พร้อมทั้งเข้าพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรี และรมว.กต.เอสวาตินี เพื่อร่วมหารือกันในโครงการความร่วมมือแบบทวิภาคี พร้อมทั้งร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและแถลงการณ์ร่วมหลายฉบับ ซึ่งครอบคลุมในหลายขอบเขต ทั้งประเด็นการแพทย์ โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี 5G การสกัดกั้นการแพร่กระจายข่าวปลอม และการอนุรักษ์สัตว์ป่า เป็นต้น นอกจากนี้ ทูตพิเศษหลินฯ ยังได้เข้าเยี่ยมชมอาคารแผนกฉุกเฉินและห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลแห่งชาติเอสวาตินี ที่ไต้หวันมีส่วนร่วมในการบริจาคให้ความช่วยเหลือ รวมไปถึงสถานประกอบการที่ผู้ประกอบการชาวไต้หวันในพื้นที่เข้าร่วมลงทุน
กล่าวโดยสรุป การเดินทางของคณะตัวแทนในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ทั้งการเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีและการขยายขอบเขตความร่วมมือระหว่างสองประเทศ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงคุณูปการที่ไต้หวันร่วมสร้างเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาคมโลก ตลอดจนยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินี ในอนาคตต่อไป
