
สำนักข่าว CNA วันที่ 13 – 15 พ.ค. 68
ระยะนี้ อดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวินได้เดินทางเยือนกลุ่มประเทศทวีปยุโรป ซึ่งเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 อดีตปธน.ไช่ฯ ได้เดินทางเยือนมหาวิทยาลัยวิลนีอุส (Vilnius University) แห่งลิทัวเนีย เพื่อเข้าแสดงปาฐกถา โดยระบุว่า ไต้หวัน - ลิทัวเนีย ต่างก็เคยก้าวผ่านการปกครองในรูปแบบลัทธิอำนาจนิยม เพราะฉะนั้น พวกเราจึงยิ่งรู้สึกหวงแหนเสรีภาพและประชาธิปไตยที่ได้มาอย่างยากลำบาก อดีตปธน.ไช่ฯ จึงใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้พันธมิตรประชาธิปไตย เร่งเสริมสร้างความร่วมมือกันในเชิงลึก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ ทั้งนี้ เพื่อธำรงปกป้องค่านิยมและระบอบการปกครองของเรา ให้คงอยู่สืบไปอย่างยั่งยืน
ในระหว่างการแสดงปาฐกถา อดีตปธน.ไช่ฯ ระบุว่า ในปี 2567 มีประชากรกว่าครึ่งของโลกที่เข้าร่วมลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แม้ว่าจะนำมาซึ่งโอกาสในการถ่ายโอนอำนาจทางการเมือง แต่ขณะเดียวกัน ก็ส่งผลให้ความขัดแย้งระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการ นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น “ประวัติศาสตร์เผยให้เห็นว่า เสรีภาพและประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยความเสียสละของเหล่าบรรพบุรุษ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ พวกเรายิ่งต้องร่วมกันรักษาค่านิยมสากลเหล่านี้ไว้ให้คงมั่น”
อย่างไรก็ตาม ไต้หวันในปัจจุบันเป็นหนึ่งในประเทศประชาธิปไตยระดับโลก แต่ก็ยังคงต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีทางไซเบอร์จากจีน สงครามข่าวปลอม และภัยคุกคามทางทหาร ไม่เคยหยุดหย่อน
อดีตปธน.ไช่ฯ ยังระบุว่า ไต้หวัน - ลิทัวเนีย ร่วมระดุมทุนทรัพย์รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการช่วยฟื้นฟูบูรณะโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในยูเครน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึก ทั้งในด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสตาร์ทอัพ อาทิ การจัดตั้งกองทุนการลงทุนในกลุ่มประเทศยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก และโครงการความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมไต้หวัน (ITRI) และหน่วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของลิทัวเนีย
ในแง่มุมความมั่นคง อดีตปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะเห็นพันธมิตรด้านประชาธิปไตยจับมือกันสกัดกั้นข่าวปลอม และรับมือกับการโจมตีในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะความมั่นคงของสายเคเบิลใต้ท้องทะเล อดีตปธน.ไช่ฯ จึงใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้ไต้หวัน – กลุ่มประเทศทวีปยุโรป ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพการสกัดกั้นระหว่างกันให้เกิดประสิทธิภาพที่ยั่งยืน
การเดินทางเยือนลิทัวเนียของอดีตปธน.ไช่ฯ ในครั้งนี้ เป็นการตอบรับคำเชิญของ H.E. Dalia Grybauskaitė อดีตประธานาธิบดีลิทัวเนีย ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการแสดงปาฐกถาของอดีตปธน.ไช่ฯ แล้ว อดีตผู้นำของสองประเทศยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นสำคัญ อาทิ ความมั่นคงระดับภูมิภาค การให้ความช่วยเหลือยูเครน สงครามไซเบอร์ และความทรหดทางประชาธิปไตย เป็นต้น
หลังเสร็จสิ้นภารกิจในลิทัวเนียแล้ว อดีตปธน.ไช่ฯ ยังมีกำหนดการมุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังเดนมาร์กและอังกฤษ
ในช่วงค่ำของวันที่ 13 พ.ค. 68 อดีตปธน.ไช่ฯ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่า ขณะนี้ ข้าพเจ้าได้เดินทางมาถึงเดนมาร์แล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นรัฐสภาเดนมาร์ก ร่วมแสดงจุดยืนให้ประชาคมโลกเห็นว่า ไต้หวันมิได้โดดเดี่ยวเพียงลำพัง อีกทั้งยังคาดหวังที่จะเห็นรัฐบาลเดนมาร์ก สหภาพยุโรป (EU) และพันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลก ประสานความร่วมมือกันให้การสนับสนุนวิถีชีวิตรูปแบบประชาธิปไตยของไต้หวัน และการเข้าร่วมอย่างมีความหมายของไต้หวันในเวทีประชาคมโลก
นับเป็นครั้งแรกที่อดีตปธน.ไช่ฯ มีโอกาสเดินทางเยือนเดนมาร์ก โดยอดีตปธน.ไช่ฯ ได้กล่าวถึง Ms. Pia Kjærsgaard ประธานกลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภาเดนมาร์กว่า ตลอดหลายปีมานี้ Ms. Kjærsgaard ร่วมสร้างคุณูปการที่มากมายให้แก่ความสัมพันธ์แบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน – เดนมาร์ก เสมอมา ในฐานะมิตรสหายที่หนักแน่นของไต้หวัน
อดีตปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า หลายปีมานี้ ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามของ Ms. Kjærsgaard และมิตรสหายจากรัฐสภาเดนมาร์ก ความสัมพันธ์ทางความร่วมมือของไต้หวัน – เดนมาร์ก มีความคืบหน้าที่เด่นชัด โดยเฉพาะผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากความร่วมมือด้านพลังงานลมนอกชายฝั่ง
อดีตปธน.ไช่ฯ แสดงทรรศนะว่า เบื้องหลังความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – เดนมาร์ก มีต้นกำเนิดมาจากการยึดมั่นในค่านิยมเดียวกัน ทั้งประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชน พันธมิตรด้านประชาธิปไตยโลกจึงควรที่จะประสานความสามัคคี ควบคู่ไปกับการยืนหยัดในแนวคิดที่ยึดมั่นร่วมกันอย่างหนักแน่น ซึ่งอดีตปธน.ไช่ฯ เชื่อว่า ไต้หวัน – เดนมาร์ก จะสามารถเสริมสร้างความร่วมมือกันต่อไปในอีกลำดับขั้น เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่เปี่ยมด้วยเสถียรภาพและความยืดหยุ่น
อดีตปธน.ไช่ฯ เผยว่า ในช่วงเวลานี้ ไต้หวันกำลังประสบกับแรงกดดันที่เกิดจากประเทศลัทธิอำนาจนิยม ทั้งแรงกดดันทางเศรษฐกิจ การถูกขัดขวางมิให้เข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ และการซ้อมรบในน่านน้ำรายรอบช่องแคบไต้หวัน แต่ถึงกระนั้น ไต้หวันก็ยังคงยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตย และมุ่งมั่นในการปกป้องความมั่นคงของประเทศชาติและภูมิภาค อย่างหนักแน่นมาตราบจนปัจจุบัน
จากนั้น เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14 พ.ค. 68 ตามเวลาในกรุงลอนดอน อดีตปธน.ไช่ฯ ได้เดินทางเยือนอังกฤษ โดยมีกำหนดการเข้าร่วมแสดงปาฐกถาต่อสมาชิกรัฐสภาขุนนางและสามัญชน ในกลุ่มพันธมิตรไต้หวัน ณ ที่ประชุมสภาในช่วงเช้าของวันที่ 15 พ.ค. 68
อดีตปธน.ไช่ฯ เผยว่า ความร่วมมือตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา ระหว่างไต้หวัน – อังกฤษ บังเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิเช่น ในกรณีความร่วมมือด้านพลังงานลมนอกชายฝั่ง ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของอังกฤษ ถือเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันให้ไต้หวันพัฒนาไปสู่ศูนย์กลางสำคัญด้านพลังงานลมในภูมิภาคเอเชีย ตราบจนปัจจุบัน มีผู้ประกอบการอังกฤษ จำนวนกว่า 40 รายที่เข้าจัดตั้งฐานธุรกิจในไต้หวัน จึงถือได้ว่า ไต้หวันเป็นตลาดพลังงานลมนอกชายฝั่งของอังกฤษที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก
นอกจากนี้ ไต้หวัน - อังกฤษ ยังได้ร่วมลงนาม “ความตกลงว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางการค้า” (Enhanced Trade Partnership, ETP) ระหว่างกันในปี 2566 ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจแบบทวิภาคีของทั้งสองฝ่าย ซึ่งครอบคลุมไปถึงความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียน การลงทุน และการค้าเชิงดิจิทัล
อดีตปธน.ไช่ฯ ระบุว่า สถานการณ์โลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยปัจจัยความไม่แน่นอน จึงเห็นสมควรว่า ทั้งสองฝ่ายควรเสริมสร้างความร่วมมือกันเพื่อยกระดับความทรหดและความมั่นคงของกันและกัน เนื่องจากแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นับวันยิ่งฉวยโอกาสจากสภาพแวดล้อมทางสังคมประชาธิปไตยที่มีเสรีภาพและเปิดกว้าง ในการสร้างความแตกแยกให้แก่ภาคประชาสังคม ด้วยการอาศัยการโจมตีด้วยข่าวปลอมและการแพร่กระจายอิทธิพล ขณะนี้ อังกฤษก็ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามลักษณะเช่นนี้ ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ทั้งไต้หวัน - อังกฤษ ต่างก็มีศักยภาพในการสกัดกั้นการแทรกแซงด้วยข้อมูลจากต่างชาติ (Foreign Information Manipulation and Interference, FIMI) ที่ยอดเยี่ยม และพวกเราต่างก็ทำการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างต่อเนื่องเสมอมา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันให้เกิดประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน พวกเราก็ยังแบ่งปันแนวทางการประยุกต์ใช้กลไกการรับมืออย่างฉับไวและเครือข่ายความร่วมมือ ในการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข้อเท็จจริง และทักษะการรู้เท่าทันสื่อ
อดีตปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า จากการที่สื่อโซเชียลหรือเทคโนโลยี AI จงใจสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องเกินกว่าเหตุ ส่งผลให้ไต้หวัน - อังกฤษ ยิ่งกระชับความร่วมมือกันเพิ่มมากขึ้นจากแต่ก่อน ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของระบอบประชาธิปไตย วัดได้จากการที่สามารถตัดขาดจากผลกระทบที่เป็นการบั่นทอน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเสพข่าว ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เชื่อถือได้
อดีตปธน.ไช่ฯ ยังใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อสมาชิกสภาสามัญชนของกลุ่มพันธมิตรไต้หวัน ที่ได้ลงมติผ่านญัตติด้วยคะแนนเสียงที่เป็นเอกฉันท์ เมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว โดยระบุชี้ชัดว่า ญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 “มิได้มีการระบุถึงไต้หวัน” ซึ่งการผ่านญัตติข้างต้นมีความสำคัญต่อพฤติกรรมการรุกล้ำน่านน้ำในช่องแคบไต้หวัน อันมีส่วนช่วยในการธำรงรักษาเสรีภาพการเดินเรือในเส้นทางช่องแคบไต้หวัน ที่เป็นเส้นทางคมนาคมหลักทางการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้สันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
อดีตปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า การคงอยู่ของไต้หวัน และเจตนารมณ์ที่หนักแน่นของภาคประชาชนชาวไต้หวัน ถือเป็นพลังสำคัญในการสกัดกั้นความทะเยอทะยานของจีน จึงอาจกล่าวได้ว่า ไต้หวันนอกจากจะเป็นป้อมปราการด้านประชาธิปไตยแล้ว ยังเป็นรากฐานความมั่นคงที่เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาคอีกด้วย