
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 5 มิ.ย. 68
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้จัดพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ เพื่อให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติแก่ H.E. Bernardo Arévalo ประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัวเตมาลา พร้อมด้วยสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งและคณะตัวแทน ที่ร่วมเดินทางมาเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ
ปธน.ไล่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า เมื่อปีที่แล้ว ทั้งสองประเทศได้ร่วมเฉลิมฉลองสัมพันธไมตรีที่สานสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันมาเป็นเวลายาวนานกว่า 90 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายต่างให้การสนับสนุนกันในด้านต่างๆ อย่างหนักแน่น ประกอบกับในช่วงหลายปีมานี้ ความร่วมมือแบบทวิภาคียิ่งเพิ่มมิติความหลากหลายมากขึ้นจากเดิม ไม่ว่าจะในด้านการแพทย์ วัฒนธรรมการศึกษาหรือความร่วมมือทางเทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้า เป็นต้น ล้วนแต่มีการสั่งสมผลสัมฤทธิ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคต ไต้หวัน – กัวเตมาลา จะมุ่งผลักดันโครงการที่สอดรับต่อแนวโน้มระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ภายใต้พื้นฐานที่มีอยู่เดิม ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มเยาวชน และส่งเสริมโครงการทุนการศึกษา เพื่อบ่มเพาะบุคลากรอุตสาหกรรมในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรืองแบบทวิภาคีต่อไป
ปธน.ไล่ฯ ระบุว่า แม้ว่าที่ตั้งทางภูมิศาสตร์จะอยู่ไกลกัน แต่แนวคิดและค่านิยมของภาคประชาชนทั้งสองฝ่าย กลับมีความเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น ปธน.ไล่ฯ เชื่อว่า ภายใต้การสนับสนุนของ ปธน. Arévalo จะส่งผลให้การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน – กัวเตมาลา ดำเนินไปในทิศทางเชิงลึกยิ่งขึ้นในภายภาคหน้า
ปธน. Arévalo กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงจุดยืนการสนับสนุนความสัมพันธ์แบบทวิภาคีในทิศทางเชิงบวกแล้ว ยังหวังที่จะร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาความร่วมมือในอนาคต เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการจัดตั้งพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการค้า ตลอดจนส่งเสริมการลงทุน เพื่อสร้างคุณประโยชน์ด้านการพัฒนาความสัมพันธ์ให้แก่ภาคประชาชนของสองประเทศ
หลังเสร็จสิ้นพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ปธน.ไล่ฯ พร้อมด้วยรองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉิน ก็ได้เข้าร่วมพูดคุยหารือกับปธน. Arévalo ณ ทำเนียบประธานาธิบดี นอกจากนี้ 2 ผู้นำประเทศยังได้ร่วมลงนาม “หนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ว่าด้วยความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์” พร้อมทั้งร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสารความร่วมมือระหว่างกัน
ปธน.ไล่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า กัวเตมาลาเป็นประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไต้หวัน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นในค่านิยมร่วมกันทั้งในด้านประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ตลอดจนจับมือกันในการสำแดงบทบาทการเป็นพลังแห่งความดีบนโลกใบนี้ ทั้งนี้ เพื่อร่วมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ภายใต้สถานการณ์ระหว่างประเทศ
ในโอกาสนี้ ปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อ ปธน. Arévalo ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่นบนเวทีนานาชาติ ทั้งระบบสหประชาชาติ (UN) และการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาคมโลกประจักษ์เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของสองประเทศ ในการธำรงปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองระดับสากล
ปธน.ไล่ฯ ระบุว่า ไต้หวัน – กัวเตมาลา มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือด้านนวัตกรรมเชิงลึกในมิติต่างๆ มากมาย ทั้งสาธารณสุข การเกษตร การเสริมสร้างศักยภาพสตรี ซึ่งล้วนแต่บังเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้จับมือกันผลักดัน “หลักสูตรวิชาชีพด้านเซมิคอนดักเตอร์” ซึ่งมีเยาวชนชาวกัวเตมาลา จำนวน 28 คน เดินทางมาเข้ารับการฝึกอบรมในไต้หวัน นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบ่มเพาะบุคลากรเทคโนโลยีแบบทวิภาคีแล้ว ยังเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้ “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร”
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า หลายปีมานี้ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศ นับวันยิ่งทวีความคึกคักมากยิ่งขึ้น ในจำนวนสินค้านำเข้าทั้งหมด ผลิตภัณฑ์กาแฟของกัวเตมาลาได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนชาวไต้หวันเป็นอย่างมาก กัวเตมาลาถือเป็นแหล่งนำเข้าเมล็ดกาแฟที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของไต้หวัน ตราบจนเดือนมีนาคมในปีนี้ ปริมาณการจัดซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟจากกัวเตมาลาของไต้หวัน มีจำนวนสูงถึง 720,000 กิโลกรัม สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นถึงการยอมรับต่อผลผลิตทางการเกษตรคุณภาพสูงของกัวเตมาลา
นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไต้หวันมุ่งหน้าวางรากฐานการลงทุนในกัวเตมาลา และประยุกต์ใช้ข้อได้เปรียบทางที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่ รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติและบุคลากรคุณภาพ เพื่อสร้างรูปแบบความร่วมมือทางภาคอุตสาหกรรมที่เอื้อประโยชน์แก่กันทั้งสองฝ่าย ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความทรหดของระบบห่วงโซ่อุปทาน และความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนที่เปี่ยมด้วยนัยยะเชิงยุทธศาสตร์
ในวาระนี้ ผู้นำทั้งสองฝ่ายยังได้ร่วมลงนาม “หนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์” พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสารความร่วมมือระหว่างสองประเทศ จัดตั้งกลไกที่ปรึกษาทางการเมือง และส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุนแบบทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง
ปธน. Arévalo เน้นย้ำว่า กัวเตมาลาให้การยอมรับและความสำคัญต่อไต้หวันเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายต่างประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านการเกษตร การศึกษา เทคโนโลยี การแพทย์ การเสริมสร้างศักยภาพสตรี และการพัฒนาพื้นที่ชนบท เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เกิดผลประโยชน์เชิงบวกต่อกัวเตมาลา และยังสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายที่ทั้งสองประเทศมีร่วมกันอย่างความชัดเจนในทิศทางความร่วมมือ
ปธน. Arévalo ระบุว่า ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนสำคัญในด้านเศรษฐกิจของกัวเตมาลา โดยเฉพาะหลังจากที่ “ความตกลงทางการค้าเสรี ไต้หวัน – กัวเตมาลา” มีผลบังคับใช้เป็นต้นมา เศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคีก็มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องเสมอมา
ปธน. Arévalo กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 90 ปีที่ผ่านมา ไต้หวัน – กัวเตมาลา ก้าวเดินเคียงข้างกันอย่างสามัคคี พร้อมร่วมแบ่งปันประสบการณ์และความมุ่งหวังร่วมกัน โดยทั้งสองประเทศจะมุ่งมั่นประสานความร่วมมือกันแสวงหาความเจริญรุ่งเรือง และมุ่งสู่วิถีชีวิตที่มีความสุขและมีเกียรติ สวมบทบาทเป็นสะพานเชื่อมโยงการเสวนาและความร่วมมือ ระหว่างภูมิภาคอเมริกากลางและเอเชีย พร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนาอารยธรรมมนุษยชาติ ตลอดจนเป็นแรงผลักดันให้เกิดสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในระดับสากลต่อไป
หลังเสร็จสิ้นการหารือ ก็เป็นช่วงเวลาแห่งพิธีลงนาม โดยเริ่มต้น ปธน.ไล่ฯ และปธน. Arévalo ร่วมทำหน้าที่เป็นสักขีพยานในการลงนาม “หนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนแบบทวิภาคีในระบบห่วงโซ่อุปทาน ระหว่างรัฐบาลไต้หวัน - กัวเตมาลา” ระหว่างนายกัวจื้อฮุย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน และ Ms. Gabriela García รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ และ “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดตั้งกลไกที่ปรึกษาทางการเมือง ระหว่างกต.ไต้หวัน - กต.กัวเตมาลา” ระหว่างนายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน และ Mr. Carlos Ramiro Martínez รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัวเตมาลา จากนั้น ปิดท้ายด้วยการลงนาม “หนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ระหว่างรัฐบาลไต้หวัน - กัวเตมาลา” ของ 2 ผู้นำประเทศ