
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 8 มิ.ย. 68
คณะตัวแทนที่นำโดย H.E. Hilda C. Heine ประธานาธิบดีสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ ได้เสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนไต้หวันแล้ว เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 โดยการเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ของ ปธน. Heine เป็นอีกครั้งที่ผู้นำสองประเทศได้มุ่งเสริมสร้างสัมพันธไมตรีกันในเชิงลึก ภายใต้มิตรภาพอันยาวนานกว่า 27 ปีที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมสานสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเป็นต้นมา บังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีมากมาย
ในระหว่างการพำนักในไต้หวันครั้งนี้ ปธน. Heine ได้ร่วมพูดคุยหารือกับปธน.ไล่ฯ พร้อมทั้งเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ ตลอดจนร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงระหว่างสองประเทศหลากหลายฉบับ อาทิ “หนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนทางการกีฬา” “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยทุนการศึกษาประธานาธิบดี” และความร่วมมือทางอุตสาหกรรมการบิน เป็นต้น พร้อมกันนี้ ปธน. Heine ยังได้รับมอบเครื่องอิสริยาภรณ์หยกเจิดจรัสที่ประดับให้โดยปธน.ไล่ฯ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชู ปธน. Heine ที่ได้สร้างคุณูปการต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในเชิงลึก ระหว่างไต้หวัน – หมู่เกาะมาร์แชลล์ อย่างหนักแน่นเสมอมา
นอกจากนี้ ปธน. Heine ยังได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารที่จัดขึ้นโดยนายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และงานแถลงข่าวชี้แจงโอกาสธุรกิจในหมู่เกาะมาร์แชลล์ อีกทั้งยังเข้ารับมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจียอี้ (NCYU) พร้อมทั้งเดินทางเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถาน หรือกู้กง สาขาภาคใต้ และสวนอุทยานวัฒนธรรมกลุ่มชนพื้นเมือง อีกทั้งยังให้เกียรติเข้าร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวหมู่เกาะมาร์แชลล์ ตลอดจนรุกขยายความสัมพันธ์ทางความร่วมมือในมิติที่หลากหลายระหว่างกัน ทั้งเศรษฐกิจ การค้า การบิน การศึกษา การกีฬาและวัฒนธรรม เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงคำมั่นและความร่วมมือในการจับมือกันพัฒนาความยั่งยืนให้แก่กันอย่างแข็งขัน
คณะตัวแทนได้เดินทางออกจากเขตอาณาไต้หวัน เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 7 มิ.ย. 68 โดยมีนายเฉินลี่กั๋ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลในการเดินทางไปส่งคณะตัวแทนขึ้นเครื่อง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน หลังจากนี้ กต.ไต้หวันจะยังคงมุ่งผลักดัน “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร” ภายใต้หลักการ “การทูตเชิงบูรณาการ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ความร่วมมือแบบทวิภาคีในมิติต่างๆ ดำเนินไปสู่ทิศทางเชิงลึก ตลอดจนเป็นการกระตุ้นสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ควบคู่ไปในตัว