ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
งานหัตถศิลป์ไต้หวันรุกขยายสู่ตลาดญี่ปุ่น ร่วมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ชุมชน ร่วมกับเมืองมิชิมะ และเมืองเซนได
2025-06-12
New Southbound Policy。งานหัตถศิลป์ไต้หวันรุกขยายสู่ตลาดญี่ปุ่น ร่วมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ชุมชน ร่วมกับเมืองมิชิมะ และเมืองเซนได (ภาพจากกระทรวงวัฒนธรรม)
งานหัตถศิลป์ไต้หวันรุกขยายสู่ตลาดญี่ปุ่น ร่วมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ชุมชน ร่วมกับเมืองมิชิมะ และเมืองเซนได (ภาพจากกระทรวงวัฒนธรรม)

กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 11 มิ.ย. 68
 
ระยะที่ผ่านมา สถาบันวิจัยและพัฒนาหัตถกรรมแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan Craft Research And Development Institute, NTCRI) ได้ตอบรับคำเชิญของเมืองมิชิมะ จังหวัดฟูกูชิมะ เข้าร่วมจัดคูหาแสดงผลงานผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ผ้ามัดย้อมจากใบชา งานจักสานจากหญ้ากกหรือจากไม้ไผ่ รวมไปถึงงานจักสานของชนเผ่าพื้นเมืองที่ประยุกต์ใช้วัสดุท้องถิ่น อย่างเช่น ฟางหญ้า ใบข่าคม ใยกล้วย ที่มาจากชนเผ่าอามิส (Amis) คาวาลัน (Kavalan) และไท่ลู่เก๋อ (Truku) ภายใต้ชื่อ SLOHAS ในเทศกาลศิลปหัตถกรรมและหัตถกรรมพื้นบ้านที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่น (ふるさと会津工人まつり) ครั้งที่ 39 โดยหวังที่จะนำเสนอให้เห็นถึงภาพลักษณ์ในมิติที่หลากหลาย ทั้งมานุษยวิทยา วัฒนธรรม ภูมิประเทศ ภูมิทัศน์และอุตสาหกรรมของไต้หวัน ผ่านผลงานหัตถศิลป์ประจำชุมชน ที่เปี่ยมด้วยอัตลักษณ์เชิงวัฒนธรรมท้องถิ่นของไต้หวัน
 
NTCRI และเมืองมิชิมะ มีรากฐานความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้น ในด้านการแลกเปลี่ยนทักษะหัตถกรรมและการประชาสัมพันธ์ผลงานศิลปหัตถกรรมในชุมชน โดยทั้งสองฝ่ายต่างร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือกัน นับตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2566 ประกอบกับในปี 2567 เป็นวาระครบรอบ 70 ปีแห่งการก่อตั้ง NTCRI และวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการจัดกิจกรรมส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่นในชุมชน ด้วยทรัพยากรในพื้นที่ของเมืองมิชิมะ โดยทั้งสองฝ่ายต่างร่วมแสดงความยินดีแก่กัน พร้อมทั้งขานรับแนวคิด “งานหัตถศิลป์ที่สอดรับต่อวิถีชีวิต และการส่งเสริมให้ผลงานมีชีวิต” โดยในปีนี้ NTCRI ยังคงมุ่งสืบสานผลักดันกิจกรรมในชื่อ “70+1” ด้วยการชูเสนอแนวคิด “SLOHAS แต่งแต้มสีสันในชีวิต” รวบรวมไว้ซึ่ง 157 คูหา โดยไต้หวันเป็นเพียงประเทศเดียวในกลุ่มต่างชาติที่ได้เข้าร่วมจัดแสดงคูหา โดย NTCRI ได้จัดรวบรวมหน่วยงานท้องถิ่น อาทิ สมาคมจักสานกกไต้หวัน (Taiwan Yuan-Li Handiwork Association) สมาคม Yilan Nature Dye และติดต่อเชิญให้อาจารย์ช่างฝีมือเฉพาะทางในสาขาต่างๆ เดินทางเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อจัดแสดงสาธิตการสานหมวกหญ้ากก การสานโมบายจากไม้ไผ่ และผ้าพันคอมัดย้อมครามธรรมชาติ เป็นต้น
 
เทศกาลครั้งนี้เป็นเวทีจัดแสดงผลงานศิลปหัตถกรรมที่รวบรวมไว้ซึ่งงานหัตถศิลป์ระดับชั้นบรมครู และมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล ซึ่งทุกครั้งที่จัดขึ้น มักจะมีประชาชนนำเอาผลงานที่เก็บสะสมไว้ มาร่วมแลกเปลี่ยนสัมพันธไมตรีกับช่างฝีมือ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงอันแนบแน่นระหว่างผลงานและวิถีชีวิตของภาคประชาชน และยังเป็นการขานรับแนวคิด “พลังแห่งการหมุนเวียนงานศิลปะ” ที่ยื่นเสนอโดย NTCRI จากการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างช่างฝีมือและประชาชน กระตุ้นให้เกิดความซาบซึ้งใจและนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ สั่งสมเป็นพลังเชิงบวกในภาคประชาสังคม 
 
นอกจากการเข้าร่วมจัดตั้งคูหาแล้ว คณะตัวแทนไต้หวันยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมการแลกเปลี่ยนยามค่ำคืน ที่จัดขึ้นในพิพิธภัณฑ์งานหัตถกรรมท้องถิ่นตำบลมิชิมะ (Mishima Town Local Crafts Museum) ในวันที่ 7 มิ.ย. เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางไมตรีจิตแบบทวิภาคี และร่วมเสวนากันในประเด็นความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมหัตถศิลป์
 
หลังจากที่เทศกาลปิดฉากลง คณะตัวแทนไต้หวันมีกำหนดการเดินทางต่อไปยังเมืองเซ็นไดของญี่ปุ่น เพื่อเข้าเยี่ยมชม Kaiba Glass Studio สตูดิโอศิลปะแก้ว และโรงงานมัดย้อม Nagakan Dyeing Factory พร้อมเปิดการแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานอุตสาหกรรมหัตถศิลป์ในพื้นที่ รวม 8 แห่ง เพื่ออภิปรายกันในประเด็นการบูรณาการทรัพยากรและรูปแบบการบริหารเชิงพาณิชย์ เพื่อวางรากฐานในการพัฒนาความร่วมมือ และการประชาสัมพันธ์อย่างยั่งยืนในภายภาคหน้าต่อไป
 
ตลอดที่ผ่านมา NTCRI และสำนักงานการพัฒนาชุมชนเกษตรและการอนุรักษ์ดินน้ำ ภายใต้กระทรวงเกษตรไต้หวัน ยืนหยัดเคียงข้างและคอยให้คำชี้แนะแก่หน่วยงานส่งเสริมศิลปหัตถกรรมท้องถิ่นเสมอมา เพื่อช่วยสร้างเอกลักษณ์และยกระดับภาพลักษณ์ทางอุตสาหกรรมในพื้นที่ กระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท้องถิ่นอย่างกระตือรือร้น โดยในปีนี้ NTCRI มีแผนการส่งเสริมชี้แนะหน่วยงานชุมชน 40 แห่งทั่วไต้หวัน ผ่าน “โครงการบ่มเพาะอุตสาหกรรมหัตถศิลป์ในพื้นที่ชุมชน” อีกทั้งยังมีกำหนดจัดนิทรรศการผลงานหัตถศิลป์ในศูนย์ศิลปะประเพณีแห่งชาติ (NCFTA) เมืองอี๋หลาน ในช่วงระหว่างวันที่ 29 – 31 สิงหาคม 2568