
กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 11 มิ.ย. 68
ระยะที่ผ่านมา สถาบันวิจัยและพัฒนาหัตถกรรมแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan Craft Research And Development Institute, NTCRI) ได้ตอบรับคำเชิญของเมืองมิชิมะ จังหวัดฟูกูชิมะ เข้าร่วมจัดคูหาแสดงผลงานผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ผ้ามัดย้อมจากใบชา งานจักสานจากหญ้ากกหรือจากไม้ไผ่ รวมไปถึงงานจักสานของชนเผ่าพื้นเมืองที่ประยุกต์ใช้วัสดุท้องถิ่น อย่างเช่น ฟางหญ้า ใบข่าคม ใยกล้วย ที่มาจากชนเผ่าอามิส (Amis) คาวาลัน (Kavalan) และไท่ลู่เก๋อ (Truku) ภายใต้ชื่อ SLOHAS ในเทศกาลศิลปหัตถกรรมและหัตถกรรมพื้นบ้านที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่น (ふるさと会津工人まつり) ครั้งที่ 39 โดยหวังที่จะนำเสนอให้เห็นถึงภาพลักษณ์ในมิติที่หลากหลาย ทั้งมานุษยวิทยา วัฒนธรรม ภูมิประเทศ ภูมิทัศน์และอุตสาหกรรมของไต้หวัน ผ่านผลงานหัตถศิลป์ประจำชุมชน ที่เปี่ยมด้วยอัตลักษณ์เชิงวัฒนธรรมท้องถิ่นของไต้หวัน
NTCRI และเมืองมิชิมะ มีรากฐานความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้น ในด้านการแลกเปลี่ยนทักษะหัตถกรรมและการประชาสัมพันธ์ผลงานศิลปหัตถกรรมในชุมชน โดยทั้งสองฝ่ายต่างร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือกัน นับตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2566 ประกอบกับในปี 2567 เป็นวาระครบรอบ 70 ปีแห่งการก่อตั้ง NTCRI และวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการจัดกิจกรรมส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่นในชุมชน ด้วยทรัพยากรในพื้นที่ของเมืองมิชิมะ โดยทั้งสองฝ่ายต่างร่วมแสดงความยินดีแก่กัน พร้อมทั้งขานรับแนวคิด “งานหัตถศิลป์ที่สอดรับต่อวิถีชีวิต และการส่งเสริมให้ผลงานมีชีวิต” โดยในปีนี้ NTCRI ยังคงมุ่งสืบสานผลักดันกิจกรรมในชื่อ “70+1” ด้วยการชูเสนอแนวคิด “SLOHAS แต่งแต้มสีสันในชีวิต” รวบรวมไว้ซึ่ง 157 คูหา โดยไต้หวันเป็นเพียงประเทศเดียวในกลุ่มต่างชาติที่ได้เข้าร่วมจัดแสดงคูหา โดย NTCRI ได้จัดรวบรวมหน่วยงานท้องถิ่น อาทิ สมาคมจักสานกกไต้หวัน (Taiwan Yuan-Li Handiwork Association) สมาคม Yilan Nature Dye และติดต่อเชิญให้อาจารย์ช่างฝีมือเฉพาะทางในสาขาต่างๆ เดินทางเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อจัดแสดงสาธิตการสานหมวกหญ้ากก การสานโมบายจากไม้ไผ่ และผ้าพันคอมัดย้อมครามธรรมชาติ เป็นต้น
เทศกาลครั้งนี้เป็นเวทีจัดแสดงผลงานศิลปหัตถกรรมที่รวบรวมไว้ซึ่งงานหัตถศิลป์ระดับชั้นบรมครู และมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล ซึ่งทุกครั้งที่จัดขึ้น มักจะมีประชาชนนำเอาผลงานที่เก็บสะสมไว้ มาร่วมแลกเปลี่ยนสัมพันธไมตรีกับช่างฝีมือ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงอันแนบแน่นระหว่างผลงานและวิถีชีวิตของภาคประชาชน และยังเป็นการขานรับแนวคิด “พลังแห่งการหมุนเวียนงานศิลปะ” ที่ยื่นเสนอโดย NTCRI จากการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างช่างฝีมือและประชาชน กระตุ้นให้เกิดความซาบซึ้งใจและนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ สั่งสมเป็นพลังเชิงบวกในภาคประชาสังคม
นอกจากการเข้าร่วมจัดตั้งคูหาแล้ว คณะตัวแทนไต้หวันยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมการแลกเปลี่ยนยามค่ำคืน ที่จัดขึ้นในพิพิธภัณฑ์งานหัตถกรรมท้องถิ่นตำบลมิชิมะ (Mishima Town Local Crafts Museum) ในวันที่ 7 มิ.ย. เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางไมตรีจิตแบบทวิภาคี และร่วมเสวนากันในประเด็นความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมหัตถศิลป์
หลังจากที่เทศกาลปิดฉากลง คณะตัวแทนไต้หวันมีกำหนดการเดินทางต่อไปยังเมืองเซ็นไดของญี่ปุ่น เพื่อเข้าเยี่ยมชม Kaiba Glass Studio สตูดิโอศิลปะแก้ว และโรงงานมัดย้อม Nagakan Dyeing Factory พร้อมเปิดการแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานอุตสาหกรรมหัตถศิลป์ในพื้นที่ รวม 8 แห่ง เพื่ออภิปรายกันในประเด็นการบูรณาการทรัพยากรและรูปแบบการบริหารเชิงพาณิชย์ เพื่อวางรากฐานในการพัฒนาความร่วมมือ และการประชาสัมพันธ์อย่างยั่งยืนในภายภาคหน้าต่อไป
ตลอดที่ผ่านมา NTCRI และสำนักงานการพัฒนาชุมชนเกษตรและการอนุรักษ์ดินน้ำ ภายใต้กระทรวงเกษตรไต้หวัน ยืนหยัดเคียงข้างและคอยให้คำชี้แนะแก่หน่วยงานส่งเสริมศิลปหัตถกรรมท้องถิ่นเสมอมา เพื่อช่วยสร้างเอกลักษณ์และยกระดับภาพลักษณ์ทางอุตสาหกรรมในพื้นที่ กระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท้องถิ่นอย่างกระตือรือร้น โดยในปีนี้ NTCRI มีแผนการส่งเสริมชี้แนะหน่วยงานชุมชน 40 แห่งทั่วไต้หวัน ผ่าน “โครงการบ่มเพาะอุตสาหกรรมหัตถศิลป์ในพื้นที่ชุมชน” อีกทั้งยังมีกำหนดจัดนิทรรศการผลงานหัตถศิลป์ในศูนย์ศิลปะประเพณีแห่งชาติ (NCFTA) เมืองอี๋หลาน ในช่วงระหว่างวันที่ 29 – 31 สิงหาคม 2568