กระทรวงยุติธรรม วันที่ 18 มิ.ย. 68
 
กระทรวงยุติธรรมไต้หวันและสำนักงานป้องกันการฟอกเงิน ภายใต้การกำกับดูแลของสภาบริหารไต้หวัน ร่วมจัดการประชุมสัมมนาว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา และความร่วมมือระหว่างประเทศ ภายใต้ยุคสมัยดิจิทัล โดยเริ่มต้นจากการปราบปรามการฉ้อโกงแบบข้ามพรมแดน ประจำปี 2568 (2025 Criminal Investigations and International Cooperation in the Digital Era Tackling Cross-Border Fraud as a Starting Point) ในช่วงระหว่างวันที่ 11 – 17 มิถุนายน 2568 ภายใต้การอภิปรายหารือระหว่างผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ เจ้าหน้าที่อัยการทุกระดับชั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สนง.ป้องกันการฟอกเงิน รวมจำนวน 17 คน ส่งผลให้บังเกิดผลสัมฤทธิ์ตามคาดการณ์อย่างราบรื่น เมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านอาชญากรรมรูปแบบใหม่ ที่เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ไต้หวันได้มีมติผ่าน “ระเบียบข้อบังคับว่าด้วยบทลงโทษในกรณีพิเศษ ภายใต้กฎหมายอาญา” โดยกำหนดให้การสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมด้วยเทคโนโลยี ได้รับการบัญญัติเข้าสู่ระบบกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการวางรากฐานกฎหมายในการมอบอำนาจให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย สามารถประยุกต์ใช้ปัจจัยทางเทคโนโลยี เข้าช่วยปราบปรามการก่ออาชญากรรมได้อย่างแม่นยำ
 
เพื่อส่งเสริมให้ประชาคมโลกร่วมเปิดการอภิปรายกันในประเด็นกฎระเบียบและแนวทางการบริหารงานราชการในยุคดิจิทัล รวมถึงการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้วัตถุประสงค์ในการร่วมเรียนรู้ประสบการณ์ และถ่ายทอดกลไกการบริหารงานในปัจจุบันของไต้หวัน  เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาคมโลก การประชุมครั้งนี้จึงได้รวบรวมคณะตัวแทนเจ้าหน้าที่ตุลาการ อัยการและนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนสกุลเงินดิจิทัลที่มาจากประเทศอังกฤษ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์เชิงลึกกันในประเด็นการบริหารแพลตฟอร์มรูปแบบดิจิทัล การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ การปราบปรามการฉ้อโกงแบบข้ามพรมแดน และการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นต้น
 
นายสวีซีเสียง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมไต้หวัน เป็นผู้กล่าวปราศรัยเปิดพิธี โดยได้ระบุว่า เมื่อเผชิญหน้ากับการก่ออาชญากรรมแบบข้ามพรมแดนในรูปแบบใหม่ที่มีความสลับซับซ้อน การรับมือภายในประเทศด้วยตนเองเพียงลำพังอาจไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออันแนบแน่นและการร่วมแบ่งปันทรัพยากรข้อมูล ระหว่างพันธมิตรในประชาคมโลก โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะสามารถมุ่งเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางกระบวนการยุติธรรมในระดับนานาชาติ ให้ดำเนินไปในทิศทางเชิงลึก ผ่านการประชุมในครั้งนี้ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความครอบคลุมของกฎหมายว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตลอดจนเพื่อให้มั่นใจว่า ความเป็นธรรมจะยังคงได้รับการบรรลุให้เกิดขึ้นจริง ภายใต้ยุคดิจิทัล
 
Mr. Lutz Güllner ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้ายุโรปประจำไต้หวัน ได้ให้เกียรติเข้าร่วมแสดงปาฐกถา โดยระบุว่า สหภาพยุโรป (EU) - ไต้หวัน ต่างยึดมั่นในค่านิยมร่วมกันในด้านประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม พร้อมเน้นย้ำว่า เมื่อเผชิญหน้ากับสภาพแวดล้อมเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่นับวันความเสี่ยงจากข่าวปลอมและภัยคุกคามทางดิจิทัล ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความร่วมมือและกฏหมายระหว่างประเทศ ยิ่งมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Mr. Güllner ยังได้ร่วมแบ่งปันแนวทางที่ EU ประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมความร่วมมือข้ามพรมแดน ผ่านการบัญญัติ “กฎหมายบริการดิจิทัล” (Digital Services Act, DSA) ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการเสวนาที่สร้างข้อคิดให้แก่หลายฝ่าย ในระหว่างการประชุมครั้งนี้
 
ในรอบการประชุมหัวข้อ “การบริหารแพลตฟอร์มดิจิทัลและความร่วมมือระหว่างประเทศ” มีเจ้าหน้าที่ตัวแทนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่เป็นส่วนหนึ่งในองค์การ Eurojust หรือหน่วยงานความร่วมมือด้านตุลาการอาญาแห่งสหภาพยุโรป (European Union Agency for Criminal Justice Cooperation) ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยได้ติดต่อเชิญ ดร.หลินฉินฝู่ ผู้อำนวยการสถาบันกฎหมายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Institute of Law for Science and Technology) แห่งมหาวิทยาลัยชิงหัว (NTHU) ของไต้หวัน เข้าร่วมบรรยายแนวทางการสร้างความโปร่งใสและหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคมของแพลตฟอร์ม ผ่าน “กฎหมายบริการดิจิทัล” นอกจากนี้ ยังได้ติดต่อเชิญให้รองผู้อำนวยการแผนกการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ในองค์การ Eurojust เข้าร่วมแบ่งปันแนวทางการรวบรวมหลักฐานดิจิทัลแบบข้ามพรมแดนจากประเทศที่ 3 และหน่วยงานภายในของ EU นอกจากนี้ อัยการสูงสุดเมืองแบมเบิร์ก (Bamberg) ของเยอรมนี ก็ได้เข้าร่วมแบ่งปันแนวทางการรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ผ่านการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ในระหว่างการสอบสวนการก่ออาชญากรรมที่เกี่ยวข้องบนแพลตฟอร์มออนไลน์
 
ในรอบการประชุม “การปราบปรามการฉ้อโกงและการคืนทรัพย์สิน” ได้ติดต่อเชิญนายหลินหมิงซิน รัฐมนตรีประจำสภาบริหารไต้หวัน ทำหน้าที่เป็นประธาน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายทั้งในและต่างประเทศ ในประเด็นการปราบปรามการฉ้อโกงทางไซเบอร์ การฟอกเงิน และการติดตามการหมุนเวียนของคริปโทเคอร์เรนซี พร้อมทั้งยื่นเสนอแนวทางมาตรการอายัติทรัพย์และการคืนทรัพย์สินอย่างเป็นรูปธรรม
 
ในรอบการประชุม “หลักนิติธรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยสืบสวนสอบสวนคดี” มีนายหวงโหมวซิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการ และนายสิงไท่เจา อัยการสูงสุดไต้หวัน ทำหน้าที่เป็นประธาน โดยระหว่างการประชุม มีข้าราชการเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยอัยการจากสหรัฐฯ เข้าร่วมชี้แจงความสมดุลระหว่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ และการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัว ส่วนเจ้าหน้าที่นิติกรในเขต Altona เมืองฮัมบวร์คในเยอรมนี ได้ชี้แจงแนวทางการรับมือกับการโจมตีในรูปแบบมัลแวร์ประเภท Remote Access Trojan (RAT) ส่วนเจ้าหน้าที่ประสานงานในสำนักงานอัยการสูงสุดแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การนำเครื่องมือเทคโนโลยีเข้าช่วยสืบสวนคดียาเสพติด ส่วนเจ้าหน้าที่อัยการของไต้หวัน และเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไต้หวัน ได้ร่วมแบ่งปันแนวทางการวิเคราะห์การหมุนเวียนของสกุลเงินดิจิทัล และการคืนทรัพย์สิน เพื่อการปราบปรามการฉ้อโกงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้มีการวิเคราะห์ความสมดุล ระหว่างการพัฒนาระบบกฎหมายการสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยี และการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ในช่วงท้าย ยังได้มีการแนะนำกลไก “Blockchain-applied Judicial Alliance for Digital Era” (b-JADE) หรือโครงการที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับหลักฐานดิจิทัล เพื่อชี้ให้เห็นถึงความคืบหน้าในการวางรากฐานการสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยีของไต้หวัน