ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
สนง.เศรษฐกิจและการค้ายุโรปเข้าเยี่ยมเยือน คกก.กิจการทางทะเลไต้หวัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - ยุโรป เพื่อร่วมสร้างแผนแม่บทด้านความมั่นคงและความยั่งยืนทางทะเล
2025-07-07
New Southbound Policy。สนง.เศรษฐกิจและการค้ายุโรปเข้าเยี่ยมเยือน คกก.กิจการทางทะเลไต้หวัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - ยุโรป เพื่อร่วมสร้างแผนแม่บทด้านความมั่นคงและความยั่งยืนทางทะเล (ภาพจากคณะกรรมการกิจการทางทะเล)
สนง.เศรษฐกิจและการค้ายุโรปเข้าเยี่ยมเยือน คกก.กิจการทางทะเลไต้หวัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - ยุโรป เพื่อร่วมสร้างแผนแม่บทด้านความมั่นคงและความยั่งยืนทางทะเล (ภาพจากคณะกรรมการกิจการทางทะเล)

คณะกรรมการกิจการทางทะเล วันที่ 4 ก.ค. 68
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 Mr. Lutz Güllner ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้ายุโรปประจำไต้หวัน (European Economic and Trade Office, EETO) ได้เดินทางเข้าเยี่ยมเยือนคณะกรรมการกิจการทางทะเลของไต้หวัน (Ocean Affairs Council, OAC) โดยมีนางก่วนปี้หลิง ประธาน OAC ให้การต้อนรับด้วยตนเอง ระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมแลกเปลี่ยนหารือกันในประเด็นความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก การป้องกันด้วยเทคโนโลยี ความยืดหยุ่นในโครงสร้างพื้นฐานใต้ท้องทะเล รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนและประสานความร่วมมือระหว่างบุคลากร เป็นต้น แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือในกิจการทางทะเล ระหว่างไต้หวัน - ยุโรป
 
ต่อกรณีความท้าทายด้านความมั่นคงในภูมิภาค ปธ.ก่วนฯ กล่าวว่า จีนยังคงเข้ารุกรานไต้หวันด้วยกลยุทธ์พื้นที่สีเทาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้สร้างความตึงเครียดให้แก่พื้นที่น่านน้ำโดยรอบอย่างไม่สิ้นสุด รัฐบาลไต้หวันจึงจำเป็นต้องมุ่งรับมืออย่างตื่นตัวด้วยความกระตือรือร้น ซึ่ง Mr. Güllner มีจุดยืนที่เห็นพ้องกับไต้หวันและยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง พร้อมทั้งให้การยอมรับต่อไต้หวัน ในความมุ่งมั่นด้านการธำรงรักษาความมั่นคงในแนวป้องกันทางชายฝั่ง รวมถึงการปกป้องเสรีภาพในการเดินเรือ และการคงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ไต้หวัน - ยุโรป ควรประยุกต์ใช้ข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีและกลไกในประเทศของตน ในการมุ่งผลักดันความร่วมมือทางเทคโนโลยี การลงทุนทางอุตสาหกรรม และการแบ่งปันทรัพยากรข้อมูล เพื่อร่วมจัดตั้งโครงสร้างความมั่นคงทางทะเลที่เอื้อประโยชน์ และนำพาสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
 
ในด้านความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานใต้ท้องทะเล เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายต่างเฝ้าจับต่อประเด็นการรักษาความปลอดภัยของสายเคเบิลใต้ท้องทะเลอย่างใกล้ชิด ปธ.ก่วนฯ ชี้แจงว่า ไต้หวันได้จัดตั้งกลไกการป้องกันที่รัดกุม เพื่อรับมือกับปัญหาความเสี่ยงที่สายเคเบิลใต้ท้องทะเลถูกบ่อนทำลาย พร้อมกันนี้ Mr. Güllner ยังได้แถลงว่า ยุโรปก็มีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน อันจะเห็นได้จากกรณีที่สายเคเบิลใต้ท้องทะเลในพื้นที่ทะเลบอลติกถูกทำลายจนได้รับความเสียหาย ซึ่งถือเป็นประเด็นที่ทั่วโลกเฝ้าจับตาให้ความสำคัญ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงจุดยืนที่เห็นพ้องกันในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเทคโนโลยี พร้อมยินดีที่จะจัดตั้งกลไกการแบ่งปันและการประสานงาน เพื่อมุ่งเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสารระดับโลก
 
สำหรับประเด็นการบ่มเพาะบุคลากรและการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ปธ.ก่วนฯ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับกำหนดการจัด “การประชุมสัมมนาว่าด้วยกิจการทางทะเลระดับนานาชาติของกลุ่มเยาวชนไต้หวัน” ที่เตรียมจะเปิดฉากขึ้นในนครเกาสง ในวันที่ 2 กันยายน 2568 โดยการประชุมครั้งนี้ก่อเกิดขึ้นจากการประสานความร่วมมือ ระหว่างสถาบันอเมริกาในไต้หวัน สาขาเกาสง , สมาคมแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น - ไต้หวัน สาขาเกาสง และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมกรุงมะนิลาประจำนครเกาสง โดยได้มีการติดต่อเชิญ EETO เข้าให้การสนับสนุน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ยุโรปจะก้าวสู่การเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือการประชุมในอนาคต พร้อมทั้งส่งเสริมให้เยาวชนยุโรป เข้ามีส่วนร่วมในแผนปฏิบัติการด้านกิจการทางทะเลเพื่อความยั่งยืน อันจะเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางบุคลากรนานาชาติในอนาคตต่อไป
 
Mr. Güllner ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอันแสนอบอุ่นจาก OAC พร้อมระบุว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้จัดตั้งหน่วยงานดูแลรับผิดชอบขึ้น ณ นครบรัสเซลส์แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันกลไกการบริหารกิจการทางทะเลและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบัน EU ได้มีการพัฒนานโยบาย “เศรษฐกิจสีน้ำเงิน” และ “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางทะเล” ซึ่งเป้าหมายหลักมีความสอดคล้องกับแนวคิดการบริหารกิจการทางทะเลของไต้หวัน ที่มุ่งเน้น “ความมั่นคง ความยั่งยืน และความเจริญรุ่งเรือง” เป็นหลัก Mr. Güllner เน้นย้ำเพิ่มเติมว่า หลายประเทศสมาชิก EU มีประสบการณ์การดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากจะสามารถเอื้อประโยชน์แก่ไต้หวัน ในด้านศักยภาพและประเด็นที่ไต้หวันเฝ้าติดตามแล้ว ยังสามารถส่งมอบความช่วยเหลือแก่กันในด้านทรัพยากรและประสบการณ์อีกด้วย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต จะสามารถรุกขยายความร่วมมือแบบทวิภาคีทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกิจการทางทะเลร่วมกันต่อไปอย่างยั่งยืน