
สภาบริหาร วันที่ 4 ก.ค. 68
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรีไต้หวัน ได้เดินทางเยือนเขตจั่วอิ๋ง นครเกาสง เพื่อเข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ในการก่อตั้ง “สวนอุทยานการวิจัยและการศึกษาระหว่างสถาบันอุดมศึกษาแห่งชาติ” (National Inter-University Research and Education Park) พร้อมกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีจากนี้ รัฐบาลจะทุ่มงบประมาณ 13,200 ล้านเหรียญไต้หวันเพื่อการจัดตั้งสวนอุทยาน หลังจากที่โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จลง มหาวิทยาลัยหยางหมิงเจียวทง (NYCU) มหาวิทยาลัยชิงหัว (NTHU) จะเข้าจัดตั้งสำนักงานย่อยประจำพื้นที่ พร้อมจับมือกับสถาบันระดับอุดมศึกษาในพื้นที่ทางตอนใต้ของไต้หวัน จำนวน 38 แห่ง เพื่อผลักดันให้สวนอุทยานฯ สวมบทบาทในการเป็นฐานส่งเสริมการบ่มเพาะบุคลากร และการพัฒนาทางอุตสาหกรรมให้แก่นครเกาสง และ “โครงการซิลิคอนวัลเลย์ในพื้นที่ทางตอนใต้ของไต้หวัน” โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมด้านเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยี AI การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และเมืองอัจฉริยะ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ “โครงการซิลิคอนวัลเลย์ในพื้นที่ทางตอนใต้ของไต้หวัน” และ “ฐานซิลิคอนวัลเลย์ในนครเถาหยวน ซินจู๋และเหมียวลี่” ก้าวสู่การเป็น 2 พลังขับเคลื่อนสู่สถานภาพผู้นำระดับโลกของไต้หวัน
นรม.จั๋วฯ แถลงว่า สวนอุทยานแห่งนี้ ถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากแนวคิด “ไต้หวันสุขภาพดี” “ไต้หวันที่มีความสมดุล” และ “ไต้หวันที่สามัคคี” ของประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน เพื่อให้เกิดการบรรลุวิสัยทัศน์ “ไต้หวันสุขภาพดี” รัฐบาลจึงจำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เพิ่มพูน เพื่อการพัฒนา “อุตสาหกรรมด้านสุขภาพ” อนึ่ง สวนอุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นครเกาสง ซึ่งสอดคล้องต่อการขับเคลื่อนการพัฒนา “ไต้หวันที่สมดุล” อีกทั้งรัฐบาลยังจะมุ่งผลักดันให้สวนอุทยานแห่งนี้ ก้าวสู่การเป็นฐานความร่วมมือที่สำคัญระหว่างสถาบันระดับอุดมศึกษาของไต้หวัน ภายใต้การยึดมั่นในจิตวิญญาณ “ไต้หวันที่มีความสามัคคี”
นรม.จั๋วฯ ชี้แจงว่า ทิศทางการพัฒนาของสวนอุทยานแห่งนี้ ประกอบด้วยนัยยะสำคัญ 3 ประการ ดังนี้ :
ประการแรกคือ การก้าวสู่การเป็นรากฐานอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีที่ถูกจัดตั้งขึ้นในนครเกาสง โดยเฉพาะด้านเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยี AI การดลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และเมืองอัจฉริยะ โดยสวนอุทยานฯ จะรับหน้าที่ในการวิจัยทางวิชาการและการฝึกอบรมบุคลากร นรม.จั๋วฯ จึงขอกำชับให้กระทรวงศึกษาธิการ เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงให้เกิดการประสานความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานภาควิชาการและอุตสาหกรรมโดยรอบ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความครอบคลุมสมบูรณ์ในสวนอุทยาน อันจะนำไปสู่การผลักดันการพัฒนาทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในภายภาคหน้าต่อไป
นัยยะประการที่สองคือ หวังที่จะผลักดันให้สวนอุทยานแห่งนี้ ยกระดับเป็นฐานบูรณาการด้านการศึกษาและการวิจัยที่ครอบคลุมในพื้นที่นครเกาสง ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามของนายเฉินฉีม่าย ผู้ว่าการนครเกาสง ได้ยกระดับให้เกาสง ที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมในอดีต พัฒนาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะในปัจจุบัน นอกจากนี้ ในวาระตำแหน่งของผู้ว่าการเฉินฯ ยังได้ประสบความสำเร็จในการผลักดัน “เศรษฐกิจที่เป็นศูนย์รวมการจัดคอนเสิร์ต” (Concert Economics) อาทิ โชว์การแสดงคอนเสิร์ตของ BLACKPINK ที่กระตุ้นให้แฟนเพลงทุกพื้นที่ทั่วโลกเดินทางมาร่วมรับชมการแสดงสุดพิเศษกันที่เกาสง โดยในอนาคต หลังจากที่อาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานนานาชาติในเขตเสี่ยวกั่ง นครเกาสง เปิดใช้อย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเป็นบานประตูที่เปิดรับให้ทั่วโลกก้าวเข้ามีส่วนร่วม “โครงการซิลิคอนวัลเลย์ในพื้นที่ทางตอนใต้ของไต้หวัน” ประกอบกับโครงการทางด่วนเส้นที่ 2 ในพื้นที่เกาสง – ผิงตง และการขยายเส้นทางการสัญจรไปสู่เมืองผิงตงของรถไฟความเร็วสูง ที่จะยิ่งส่งเสริมให้เกาสง ยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมสำคัญ
นรม.จั๋วฯ เผยว่า ปธน.ไล่ฯ ได้กำชับให้สภาบริหารกระตุ้นให้อุปสงค์ในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการกระตุ้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ในปี 2569 นอกจากนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้เน้นย้ำถึงภารกิจสำคัญ รวม 2 รายการ ได้แก่ “ย่านวิถีชีวิตในเขตอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ 6 ด้านหลัก” ที่จำเป็นต้องขานรับต่อการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานในระดับท้องถิ่น รวม 152 รายการ และการเร่งกระบวนการรื้อถอนอาคารสิ่งก่อสร้างเก่าเพื่อสร้างใหม่ นอกจากนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังหวังที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างเต็มกำลัง ซึ่งนอกจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในรูปแบบดั้งเดิมแล้ว ยังให้การสนับสนุนจัดการประชุมนานาชาติ การแสดงสินค้า การแข่งขันกีฬา และการแสดงคอนเสิร์ตของเหล่าศิลปินชื่อดังระดับโลก ซึ่งจะสามารถดึงดูดให้ชาวต่างชาติ ร่วมเดินทางมาเยือนไต้หวันกันเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้น
นัยยะประการที่สามคือ การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้แก่ย่านเมืองเก่าในเขตจั่วอิ๋ง ตลอดระยะเวลา 5 ปีจากนี้ รัฐบาลจะทุ่มงบประมาณ 13,200 ล้านเหรียญไต้หวัน เพื่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างจำนวน 10 แห่งในย่านเมืองเก่าเขตจั่วอิ๋ง ซึ่งในจำนวนนี้ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างใหม่ 6 แห่ง และการปรับปรุงโครงสร้างอาคารสาธารณะในพื้นที่ รวม 4 แห่ง
นรม.จั๋วฯ เน้นย้ำว่า งบประมาณของประเทศชาติจำเป็นต้องได้รับการนำไปใช้ในทิศทางที่เหมาะสมอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องได้รับการนำไปใช้ในการพัฒนาอนาคตของประเทศชาติ ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงได้หวังจะเห็น “ข้อบังคับใช้ในกรณีพิเศษว่าด้วยการเสริมสร้างความทรหดทางเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงในดินแดนประเทศ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ระหว่างประเทศ” และงบประมาณพิเศษที่ยื่นเสนอโดยสภาบริหาร ได้รับการลงมติเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติโดยเร็ววัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการผนึกกำลังของประเทศชาติ ส่งมอบการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม สร้างรากฐานการประกอบอาชีพที่มั่นคง ควบคู่ไปกับการดูแลวิถีชีวิตของภาคประชาชน ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางความมั่นคงของดินแดนผืนนี้ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป