สำนักข่าว CNA วันที่ 10 ก.ค. 68
 
ระยะที่ผ่านมา นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์แก่ “NieuwRechts” สื่อเนเธอร์แลนด์ โดยได้ระบุว่า ไต้หวันอาศัยกลยุทธ์ทางการทูตที่มีความยืดหยุ่นสูง ในการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกอย่างเป็นรูปธรรมกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ซึ่งนโยบายการต่างประเทศที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพเช่นนี้ มิได้มาจากศักยภาพทางกลาโหมหรือเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งการยอมรับต่อประเทศชาติ โดยบทสัมภาษณ์ของรมว.หลินฯ ได้รับการเผยแพร่ออกอากาศในวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ภายใต้หัวข้อ “รมว.กต.ไต้หวันเผย สิ่งที่เนเธอร์แลนด์สามารถเรียนรู้จากนโยบายการต่างประเทศของไต้หวัน” (Taiwanese minister reveals what the Netherlands can do learning Taiwanese foreign policy)
 
รมว.หลินฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากจีนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไต้หวันไม่สามารถจัดตั้งความสัมพันธ์ทางการทูตกับหลายประเทศทั่วโลกได้อย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงได้คิดค้นกลยุทธ์ทางการทูตในรูปแบบนวัตกรรม ที่มีความยืดหยุ่นและมีเป้าหมายชัดเจน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาสถานภาพการคงอยู่ของไต้หวัน โดยไต้หวันจะมุ่งบูรณาการ “การทูตเชิงค่านิยม” และ “การทูตเชิงเศรษฐกิจ” เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงในการประสานความร่วมมือกับประชาคมโลกต่อไป
 
รมว.หลินฯ  แถลงว่า ไต้หวันมีพันธกิจสำคัญในการปกป้องประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมของตนเอง ควบคู่ไปกับการรับมือกับภัยคุกคามที่เกิดจากจีน ทั้งการโจมตีทางไซเบอร์ ข่าวปลอม ภัยคุกคามด้วยกำลังทหารและการส่งอิทธิพลต่อภาคประชาสังคมไต้หวัน ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมักจะบิดเบือนการตีความญัตติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 เพื่อบดบังสถานภาพของไต้หวันบนเวทีนานาชาติ ซึ่งไต้หวันได้กระทำการสกัดกั้นข้อกล่าวอ้างต่างๆ ของจีน อย่างกระตือรือร้น และขอแสดงความขอบคุณต่อกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนําระดับโลก 7 ประเทศ (Group of Seven, G7) และรัฐสภายุโรปที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้แก่ไต้หวันอย่างเปิดเผย ซึ่งถือเป็นการปลุกพลังความฮึกเหิมให้แก่ไต้หวันเป็นอย่างมาก
 
รมว.หลินฯ กล่าวว่า ไต้หวันจะเรียนรู้และซึมซับประสบการณ์แนวทางการรับมือต่อสงครามรัสเซีย – ยูเครนของกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ควบคู่ไปกับการยกระดับความยืดหยุ่นทางภาคประชาสังคมในภาพรวมอย่างต่อเนื่อง มีเพียงการจับมือร่วมกันระหว่างพันธมิตรด้านประชาธิปไตย จึงจะสามารถสกัดกั้นภัยคุกคามที่เกิดจากประเทศลัทธิอำนาจนิยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
รมว.หลินฯ กล่าวว่า ไต้หวันจะมุ่งผลักดันความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมกับกลุ่มประเทศทวีปยุโรปที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างต่อเนื่อง ณ ที่นี้ขอหยิบยกกรณีตัวอย่างของสาธารณรัฐเช็กมาประกอบการชี้แจง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย และจับมือกันผลักดันการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเข้าลงทุนในเมืองเดรสเดิน ประเทศเยอรมนีของบริษัท TSMC มีส่วนช่วยในการขยายขอบเขตระบบห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์ไปสู่นานาประเทศทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ส่วนการรุกขยายอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยของบริษัท Foxconn ในฝรั่งเศส มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงลึก ระหว่างไต้หวัน - ฝรั่งเศส
 
รมว.หลินฯ เน้นย้ำว่า ในปีนี้ ไต้หวันผลักดัน “ปีแห่งวัฒนธรรมไต้หวันในยุโรป” โดยได้นำวัฒนธรรมไต้หวันประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่ประจักษ์ในพื้นที่ต่างๆ ในยุโรป อาทิ กรุงปรากและกรุงปารีส ตลอดจนจัดแสดงละครเวทีที่ดัดแปลงมาจากบทเพลงดั้งเดิมของไต้หวันในชื่อ “ป้อมวิลันดา" (Fort Zeelandia) เพื่อส่งเสริมความเข้าใจและสัมพันธไมตรี ระหว่างไต้หวัน – ยุโรป ให้ดำเนินไปในทิศทางเชิงลึก  
 
รายงานข่าวยังระบุว่า ไต้หวันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นโยบายการต่างประเทศนอกจากจะเป็นการชี้ชวนทางศีลธรรม หรือพิธีการทูตแล้ว ยังมีส่วนเกี่ยวพันกับการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ในระยะยาว แนวทางที่มั่นคงและการสร้างหลักประกันของประเทศชาติ มีเพียงการจัดเรียงลำดับทางนโยบายที่ชัดเจน จึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายตามข้างต้นนี้ได้ เชื่อว่า นโยบายการต่างประเทศของไต้หวัน สามารถเป็นต้นแบบให้แก่เนเธอร์แลนด์ได้