
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 13 ก.ค. 68
ระยะนี้ นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐปารากวัย โดยรมว.หลินฯ มีกำหนดการเข้าพบปะพูดคุยนักการเมืองสำคัญในพื้นที่หลายราย ทั้ง Mr. Rubén Ramírez รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ Mr. Javier Giménez รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ Mr. Gustavo Villate รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ Ms. Marianna Saldivar Gadea เลขาธิการประจำทำเนียบประธานาธิบดี Mr. Emiliano Fernández รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโยธาธิการ Mr. César Landy Torres ผู้ว่าราชการจังหวัดอัลโตปารานา (Alto Paraná) และ Dr. Jorge Duarte อธิการบดีมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไต้หวัน - ปารากวัย” (Universidad Politécnica Taiwán Paraguay, UPTP) โดยกลุ่มบุคคลสำคัญทางการเมืองเหล่านี้ ได้เดินทางมุ่งหน้าเยือนเมืองซิวดัดเดลเอสเต (Ciudad del Este) ร่วมกับรมว.หลินฯ เพื่อเข้าตรวจการณ์สถานการณ์ความคืบหน้าของ “สวนเทคโนโลยีอัจฉริยะ ไต้หวัน - ปารากวัย” ร่วมกัน
โครงการดังกล่าวนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ยังดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่ง ณ ขณะนั้น ปธน.ไล่ฯ ในฐานะทูตพิเศษ ได้เดินทางเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดี Santiago Peña ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2566 พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสร้างโอกาสการทำงานในพื้นที่ปารากวัย
ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 หลังจากที่รมว.หลินฯ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ก็ได้เปิดการเจรจาหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาพื้นที่ปารากวัยในระยะยาว กับ ปธน. Peña ที่เดินทางเยือนไต้หวัน เพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของปธน.ไล่ชิงเต๋อ พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ภาครัฐของทั้งสองฝ่ายยังได้บรรลุฉันทามติ ว่าด้วยการประสานความร่วมมือกันในการยกระดับให้ปารากวัย ก้าวขึ้นสู่ฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอัจฉริยะและแหล่งบ่มเพาะบุคลากรในทวีปอเมริกาใต้
ในระหว่างที่รมว.หลินฯ เดินทางเข้าเยี่ยมชมสวนเทคโนโลยีฯ ได้กล่าวปราศรัยว่า โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร ที่ไต้หวันมุ่งผลักดันในปารากวัย เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของทีมผู้เชี่ยวชาญไต้หวัน ในการวางแผนบูรณาการ การดำเนินโครงการวิศวกรรมโยธา การจัดสร้างแพลตฟอร์ม Private 5G platform (P5G) และการติดตั้งกลไกระบบอัจฉริยะ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของผู้ประกอบการชาวไต้หวันแล้ว ยังก่อให้เกิดการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและโอกาสการทำงานในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม อนึ่ง รมว.หลินฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะบูรณาการทรัพยากร “เทคโนโลยี เงินทุนและบุคลากร” ภายใต้กลยุทธ์ “ใหญ่จูงเล็ก ร่วมจับมือพัฒนาทั้งฮาร์ดพาวเวอร์และซอฟต์พาวเวอร์ ควบคู่กับการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน อันจะนำไปสู่การก่อเกิดวัฏจักรที่ดีงามทั้งในและต่างประเทศ” ทั้งนี้ เพื่อช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไต้หวัน สามารถวางรากฐานการลงทุนในปารากวัยได้อย่างราบรื่น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ แหล่งทรัพยากรไฟฟ้าและประปามีความครอบคลุม อุดมสมบูรณ์และต้นทุนต่ำ ประกอบเข้ากับระบบเศรษฐกิจและการค้าที่เป็นมิตร ทั้งนี้ เพื่อสรรสร้างให้ปารากวัยเป็นจุดเริ่มต้นในการรุกขยายสู่ตลาดอเมริกาใต้ของผู้ประกอบการไต้หวัน
ระหว่างการเข้าพบปะหารือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐปารากวัยในครั้งนี้ รมว.หลินฯ ได้เดินทางเยือนที่ทำการกต.ปารากวัย เพื่อร่วมพูดคุยกับ รมว. Ramírez เกี่ยวกับสถานการณ์ความคืบหน้าของภารกิจสำคัญใน “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร” ภายใต้กรอบ “การทูตเชิงบูรณาการ” อาทิ การลงทุนทางเศรษฐกิจและการค้า โครงสร้างพื้นฐานเชิงสาธารณูปโภค การแพทย์อัจฉริยะ การศึกษาเชิงเทคโนโลยี และระบบขนส่งอัจฉริยะ เป็นต้น
หลังเสร็จสิ้นการหารือแล้ว 2 รมว. ร่วมทำหน้าที่เป็นประธานจัดงานแถลงข่าว โดยระบุว่า ไต้หวัน - ปารากวัย ต่างยึดมั่นในค่านิยมสากลด้านประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ดำเนินไปอย่างแนบชิดและแข็งแกร่ง โดยในอนาคต พวกเราจะยังคงจับมือกันแลกเปลี่ยนและประสานความร่วมมือกันเชิงลึกในมิติต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับสวัสดิการของภาคประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้ประชาคมโลกมองเห็นต้นแบบที่เกิดจากการประสานความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย
จากนั้น ในช่วงค่ำของวันเดียวกันนี้ รมว.หลินฯ - รมว. Ramírez ยังได้ร่วมเป็นประธานใน “งานเลี้ยงฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 68 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย” โดยมีแขกผู้มีเกียรติจำนวนกว่า 250 คนให้ความสนใจเข้าร่วม ในจำนวนนี้ ประกอบด้วย บุคคลสำคัญในแวดวงการเมืองของปารากวัย อาทิ Mr. César Diesel ประธานศาลฎีกา , Mr. Raúl Latorre ประธานสภาผู้แทนราษฎร , สมาชิกวุฒิสภา คณะทูตานุทูตและตัวแทนชาวจีนโพ้นทะเล
ในโอกาสนี้ รมว. Ramírez ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อไต้หวัน ที่มุ่งผลักดันการพัฒนาการเกษตรและปศุสัตว์ การแพทย์สาธารณสุข นวัตกรรมการศึกษาและโครงสร้างพื้นฐานในปารากวัย มาตลอดระยะเวลาหลายปี ซึ่งขอบเขตการประสานความร่วมมือแบบทวิภาคี ต่างสอดรับต่อความต้องการของภาคประชาสังคมในพื้นที่อย่างลงตัว ส่งผลให้ชุมชนการเกษตรและนักศึกษาเยาวชนได้รับอานิสงส์กันโดยถ้วนหน้า นอกจากนี้ รมว. Ramírez ยังได้ให้การยอมรับต่อโครงการมหาวิทยาลัย UPTP ที่ได้ทำการบ่มเพาะวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ รวมจำนวนกว่า 170 คนแล้ว โดยทั้งสองประเทศต่างมุ่งจับมือกันจัดสร้างอาคารหอพักในรั้วสถาบันการศึกษา สื่อให้เห็นถึงการร่วมจับมือกันลงทุนในองค์ความรู้และบุคลากร นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้กำหนดให้อุตสาหกรรมรูปแบบอัจฉริยะและระบบห่วงโซ่อุปทาน เข้าเป็นส่วนหนึ่งในรายการความร่วมมือ ทั้งนี้ เพื่อร่วมสรรสร้างอนาคตที่ยั่งยืนในยุคสมัยใหม่
ปารากวัยนับเป็นประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไต้หวัน ข้อตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือครองหนังสือเดินทางทั่วไป จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะกระตุ้นการแลกเปลี่ยนของภาคประชาชนระหว่างสองประเทศ ให้เกิดความแนบแน่นยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการเอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการไต้หวัน ในระหว่างการเข้าลงทุนในปารากวัย หลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะยังคงมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในทิศทางเชิงลึกต่อไป