ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รองปธน.เซียวฯ เข้าร่วมกิจกรรม “การเสวนากับรองปธน.เซียวเหม่ยฉิน” ที่จัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งไต้หวัน (TFCC)
2025-07-21
New Southbound Policy。รองปธน.เซียวฯ เข้าร่วมกิจกรรม “การเสวนากับรองปธน.เซียวเหม่ยฉิน” ที่จัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งไต้หวัน (TFCC) (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
รองปธน.เซียวฯ เข้าร่วมกิจกรรม “การเสวนากับรองปธน.เซียวเหม่ยฉิน” ที่จัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งไต้หวัน (TFCC) (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 18 ก.ค. 68
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉิน ได้เข้าร่วมกิจกรรม “การเสวนากับรองปธน.เซียวเหม่ยฉิน” ที่จัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งไต้หวัน (Taiwan Foreign Correspondents' Club , TFCC) โดยรองปธน.เซียวฯ ได้ร่วมแบ่งปันกลไกการบริหารปกครองของรัฐบาล ภายใต้สถานการณ์โลกที่มีความผันผวนไม่แน่นอน และนโยบายภาครัฐที่ผ่านการเรียงลำดับความสำคัญ
 
รองปธน.เซียวฯ กล่าวปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษ โดยระบุว่า เริ่มต้น ขอแสดงความขอบคุณต่อ TFCC ที่จัดกิจกรรมการเสวนาขึ้นเป็นประจำ เพื่อส่งเสริมให้สื่อต่างชาติเกิดความเข้าใจต่อมุมมองภาคประชาสังคมของไต้หวัน จวบจนปัจจุบัน ยอดผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เข้าประจำการในไต้หวัน มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเฝ้าจับตาต่อไต้หวันของประชาคมโลก
 
รองปธน.เซียวฯ แถลงว่า ตราบจนปัจจุบัน ภาคประชาชนชาวไต้หวันได้มอบหมายภารกิจการบริหารประเทศให้แก่ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน และคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเศษแล้ว ตลอดระยะเวลา 14 เดือนที่ผ่านมา พวกเราเผชิญหน้ากับโลกที่มีความเชื่อมโยงกันแนบแน่นยิ่งขึ้นกว่าที่เคย แต่ก็เต็มไปด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประการ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะต้องประสบกับความท้าทายนานาประการ รัฐบาลไต้หวันก็ยังคงมุ่งมั่นในการบรรลุคำมั่นที่ว่า พวกเราจะมุ่งสร้างไต้หวันที่มีความมั่นคง ยึดมั่นตามหลักการประชาธิปไตย และมุ่งสู่ทิศทางนวัตกรรมและการยอมรับซึ่งกันและกัน ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานเสถียรภาพในภูมิภาคและการรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนระดับโลก
 
ในโอกาสนี้ รองปธน.เซียวฯ ได้ย้อนพิจารณาและแบ่งปันข้อคิดตลอด 1 ปีที่ผ่านมาในระหว่างการดำรงตำแหน่ง  พร้อมแสดงความมุ่งหวังต่อทิศทางในอนาคต โดยหยิบยกภารกิจที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ปัจจุบัน และภารกิจตามแผนการที่วางไว้ มาประกอบการชี้แจง “กลไกการบริหารงานของรัฐบาล ท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนของโลก” โดยรองปธน.เซียวฯ ได้ระบุว่า ไต้หวันมิได้ตกอยู่ในสถานะที่ไร้ตัวตน แต่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญทางสภาพแวดล้อมเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความตื่นตัวและมีการแข่งขันอย่างดุเดือด พวกเรายังคงต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันด้วยการข่มขู่ทางทหาร เศรษฐกิจ การเมืองและสงครามจิตวิทยาที่เกิดจากจีน ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่ถึงกระนั้น จีนถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้สถานการณ์โลกเกิดความผันผวน ขณะนี้ ทั่วโลกต่างเผชิญกับผลกระทบและการเปลี่ยนผ่านทางโครงสร้างหลายประการ ทั้งความขัดแย้งและสงคราม ความตึงเครียดของความสัมพันธ์ทางการค้า นวัตกรรม AI เพื่อการปฏิวัติวงการเทคโนโลยี และความท้าทายระดับโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน สถานการณ์โรคระบาด และสงครามไซเบอร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นความท้าทายที่ปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด  
 
เมื่อระบุถึง “ความท้าทายภายในประเทศ” รองปธน.เซียวฯ ชี้ว่า ไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบด้านโครงสร้างประเทศ เฉกเช่นเดียวกันกับประเทศอุตสาหกรรมโลก ขณะนี้ ไต้หวันกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตสังคมผู้สูงอายุ วิกฤตเด็กเกิดน้อย และความเป็นธรรมระหว่างยุคสมัย ควบคู่ไปกับการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมและอุตสาหกรรมเกิดใหม่ ในพื้นที่ภูมิภาคต่างๆ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านในทิศทาง 2 แกนหลัก ได้แก่ การพิชิตการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และระบบเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งทั้งสองเป้าหมายนี้ ต่างก็จำเป็นต้องอาศัยการระดมทุนสาธารณะ นวัตกรรมภาคเอกชน และการปรับตัวทางสังคมในทิศทางเชิงลึก ความท้าทายระยะยาวเหล่านี้ ต่างจำเป็นต้องอาศัยการปฏิบัติการในรูปแบบเร่งด่วน ขณะเดียวกัน การแข่งขันทางการเมืองภายในประเทศนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น อันเนื่องมาจากการแพร่กระจายข่าวปลอมและการแทรกแซงโดยรัฐบาลจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามัคคีปรองดองกันในภาคประชาสังคม
 
รองปธน.เซียวฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลมีภารกิจหลายประการ ทั้งการรับมือกับความท้าทายทั้งในและต่างประเทศอย่างรัดกุม เพื่อสร้างหลักประกันให้เกิดความทรหดทางเศรษฐกิจและประชาธิปไตย นอกจากนี้ รองปธน.เซียวฯ ยังได้ชี้แจงภารกิจต่างๆ ทั้งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการและทิศทางการพัฒนาในอนาคต เริ่มต้นด้วยการเสริมสร้างศักยภาพทางกลาโหมและความยืดหยุ่นทางภาคประชาสังคม การปฏิวัติทางกลาโหมของไต้หวัน มุ่งเน้นไปที่การการจัดตั้งกองกำลังทหารที่เปี่ยมศักยภาพ เชื่อถือได้และสามารถรับมือต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจะสื่อให้เห็นถึงการลงทุนในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ยังสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ในการดำเนินการทางทหาร การเตรียมพร้อมรับมือกับสงครามและคุณภาพของบุคลากรที่ได้รับการยกระดับขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ งบประมาณด้านกลาโหมในปัจจุบัน ได้สร้างมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ภัยคุกคามด้านความมั่นคงในยุคสมัยใหม่ มิได้จำกัดเพียงเฉพาะในพื้นที่สงครามเท่านั้น ขณะนี้ ไต้หวันกำลังอยู่ระหว่างการเผชิญหน้ากับความท้าทายในหลากหลายแง่มุม ทั้งการโจมตีทางไซเบอร์ ข่าวปลอม การขาดช่วงของระบบห่วงโซ่อุปทาน และแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลที่นำโดยปธน.ไล่ฯ จึงกำลังทำการจัดตั้งระบบ “ความยืดหยุ่นในภาคประชาสังคม” อย่างกระตือรือร้น
 
รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า รัฐบาลไต้หวันมุ่งผลักดันเป้าหมายข้างต้นด้วยวิธีการรูปแบบบูรณาการ  ทั้งการฝึกอบรมพลเรือนด้านการป้องกันประเทศ การคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ การจัดเตรียมเวชภัณฑ์ทางยุทธศาสตร์ ความยืดหยุ่นด้านโทรคมนาคม อุปกรณ์ยังชีพ ความยืดหยุ่นทางการเงินและความมั่นคงทางไซเบอร์  โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสามัคคี การเตรียมความพร้อมและความยืดหยุ่นของภาคประชาสังคม ซึ่งนอกจากจะเป็นการสกัดกั้นภัยคุกคามแล้ว ยังเป็นการยกระดับศักยภาพการรับมือกับความเสียหายในภาคประชาสังคมที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่มีความถี่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
 
เมื่อกล่าวถึง “นโยบายสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน” รองปธน.เซียวฯ ระบุว่า รัฐบาลมุ่งแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ด้วยทัศนคติที่มีความรับผิดชอบและมีหลักการ ที่ผ่านมา ปธน.ไล่ฯ ได้เน้นย้ำหนักแน่นเกี่ยวกับคำมั่นของรัฐบาลว่าด้วยการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ประชาชนชาวไต้หวันเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเป็นมิตรและใจกว้าง อีกทั้งยังยึดมั่นในหลักสันติภาพ ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างความยั่วยุท้าทายต่ออีกฝ่าย
 
นอกเหนือจากการฝึกซ้อมรบของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) แล้ว พวกเรายังได้สังเกตเห็นถึงพฤติกรรมของรัฐบาลจีนที่จงใจเข้าแทรกซึม บ่อนทำลายและสร้างความแตกแยกในสังคมไต้หวัน อย่างไรก็ตาม เพื่อปกป้องไว้ซึ่งประชาธิปไตยและความเป็นปึกแผ่นในภาคประชาสังคม ปธน.ไล่ฯ จึงได้ยื่นเสนอกลยุทธ์รับมือ 17 รายการต่อพฤติกรรมของจีนด้วยวิธีการลูกผสมที่ต้องการจะบั่นทอนและทำลายสถานภาพเดิมของไต้หวันในปัจจุบัน การรักษาไว้ซึ่งสถานภาพเดิมในปัจจุบันที่มีเสถียรภาพ คือทางเลือกของพวกเรา มิใช่เนื่องจากความเคยชิน แต่เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาค
 
ในแง่มุม “การขยายความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วน และความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ-การค้า” รองปธน.เซียวฯ เผยว่า ระบบเศรษฐกิจไต้หวันและโลก มีความเชื่อมโยงและการบูรณาการในขั้นสูง ก้าวขึ้นครองบทบาทสำคัญในระบบห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีระดับโลก ในขณะเดียวกัน พวกเราก็พึ่งพาตลาดโลกในการขยายตัวและมุ่งสู่ความเจริญรุ่งเรือง ตลอดที่ผ่านมา ไต้หวันมุ่งสร้างความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนกับสหรัฐฯ ที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ซึ่งขณะนี้ คณะทำงานของไต้หวันได้ร่วมเปิดการเจรจากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสหรัฐฯ อย่างขมักเขม้น เพื่อบรรลุข้อตกลงด้านมาตรการภาษีการค้าที่เอื้อประโยชน์แก่กัน ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้เกิดความสมดุลทางการค้า ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีเชิงลึก ทั้งในด้านการลงทุน เทคโนโลยีและด้านอื่นๆ อีกทั้งไต้หวันและพันธมิตรด้านประชาธิปไตยในทวีปยุโรป ต่างก็ขยายขอบเขตความร่วมมือในด้านการค้า เทคโนโลยีสีเขียว ระบบห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์ ดาวเทียมและอวกาศ เป็นต้น ประกอบกับเมื่อระยะที่ผ่านมา ไต้หวันได้ร่วมลงนามข้อตกลงร่วมกับอังกฤษและแคนาดา เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือในภายภาคหน้า ตลอดจนยังได้ผลักดันการลงทุน การแลกเปลี่ยนทางวิชาการและการบูรณาการในระดับท้องถิ่น ผ่านนโยบายมุ่งใต้ใหม่
 
ต่อกรณีความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตร กระทรวงการต่างประเทศได้จัดดำเนินการภารกิจ ตามหลักการ “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร” โดยได้ร่วมแบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญและการบริการในด้านต่างๆ ของไต้หวัน ทั้งดิจิทัล พลังงานสีเขียว การดูแลสุขภาพและเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น เป็นต้น จึงอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ไต้หวันนอกจากจะมุ่งสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ยังสร้างความเชื่อมโยงกับบรรดาหุ้นส่วน เพื่อร่วมส่งเสริมให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองแก่กันอย่างยั่งยืน
 
นอกจากนี้ รองปธน.เซียวฯ ยังระบุว่า เพื่อรักษาศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืน ไต้หวันจึงมุ่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยี AI และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในแง่มุม AI ขณะนี้ ไต้หวันกำลังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเชิงข้อมูลสถิติ บ่มเพาะบุคลากรในพื้นที่ ควบคู่ไปกับส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างมีความรับผิดชอบ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานการบริหารปกครองในรูปแบบกโปร่งใส มีความเชื่อมั่นและนวัตกรรม ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในรูปแบบประชาธิปไตย ส่วนแง่มุมด้านพลังงาน ไต้หวันกำลังมุ่งพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้า Smart Grid เพื่อยกระดับความยืดหยุ่นและเสถียรภาพเครือข่ายระบบไฟฟ้า ควบคู่ไปกับการวางรากฐานพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงานรูปแบบใหม่ ตลอดจนยึดมั่นในทัศนคติแบบเปิดกว้าง ในการเข้าสำรวจเทคโนโลยีพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ที่ทั่วโลกกำลังมุ่งพัฒนา ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มพูนมากขึ้นในอนาคต
 
รองปธน.เซียวฯ เชื่อว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนชาวไต้หวันในภาพรวมได้ มิใช่เพียงเฉพาะภาคอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่จำกัดเท่านั้น ไต้หวันมุ่งผลักดันการพัฒนาที่สมดุล ผ่านรูปแบบวิธีการต่างๆ อาทิ การจัดสรรทรัพยากรในแต่ละพื้นที่ของไต้หวัน การช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมดั้งเดิมเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล การขยายขอบเขตกลไกการดูแลเด็กเล็กและผู้สูงอายุเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ไต้หวันยังมุ่งเสริมสร้างกำลังแรงงาน ผ่านการจัดตั้งโครงการยกระดับทักษะวิชาชีพ โครงการพัฒนาเยาวชน และการปฏิรูปเครือข่ายความมั่นคงในสังคม ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ และความก้าวหน้าทางสังคม ควบคู่ไปพร้อมกัน