ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 22 ก.ค. 68
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนสมาชิกรัฐสภาแบบข้ามพรรคของไอร์แลนด์ รวม 5 คน ที่มีกำหนดการเดินทางเยือนไต้หวัน ในช่วงระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม 2568 พร้อมกล่าวปราศรัยว่า ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามของ Mr. John McGuinness รองประธานรัฐสภาไอร์แลนด์และประธานกลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภาไอร์แลนด์ ตลอดหลายปีมานี้ พลังเสียงสนับสนุนของกลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภาไอร์แลนด์ นับวันยิ่งมีความแกร่งกล้าและหนักแน่นยิ่งขึ้น ปธน.ไล่ฯ จึงขอใช้โอกาสนี้ แสดงความขอบคุณต่อการเดินทางมาเยือนของ Mr. McGuinness และคณะตัวแทน เพื่อสื่อถึงการสนับสนุนไต้หวัน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนที่เพิ่มพูน ระหว่างไต้หวัน - ไอร์แลนด์
ปธน.ไล่ฯ ระบุว่า ยุโรปถือเป็นคู่ค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไต้หวัน เป็นแหล่งที่มาของเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน โดยไอร์แลนด์ถือเป็นฐานที่ตั้งสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมในทวีปยุโรป และเป็นประเทศเขตเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เช่นเดียวกันกับไต้หวัน โครงสร้างทางอุตสาหกรรมทั้งสองฝ่าย มีข้อได้เปรียบที่สามารถเกื้อหนุนกันได้อย่างลงตัว ด้วยเหตุนี้ ปธน.ไล่ฯ จึงหวังจะเห็นอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรกลของไต้หวัน และเทคโนโลยีสารสนเทศและชีวเภสัชภัณฑ์ของไอร์แลนด์ จะมุ่งขยายขอบเขตความร่วมมือในทิศทางเชิงลึก เพื่อจับมือกันสร้างประโยชน์แก่กันอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ปธน.ไล่ฯ เผยว่า รัฐบาลไอร์แลนด์ได้ประกาศ “กลยุทธ์ด้านเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ” เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยได้ตั้งปณิธานไว้ว่า ไอร์แลนด์จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก เนื่องจากไต้หวันมีระบบนิเวศทางเซมิคอนดักเตอร์ที่ครองบทบาทสำคัญที่สุดระดับโลก ประกอบกับทิศทางการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของไต้หวัน - ไอร์แลนด์ ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ปธน.ไล่ฯ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะจับมือกับพันธมิตรประชาธิปไตยโลก ร่วมสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานทางเทคโนโลยีที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” (Non – red Supply Chain) เชื่อว่าในอนาคต ไต้หวัน - ไอร์แลนด์ จะมุ่งสานสัมพันธ์ทางความร่วมมือกันในเชิงลึก เพื่อยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์แบบทวิภาคี ตลอดจนเพื่อจัดสร้างระบบเศรษฐกิจรูปแบบประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานค่านิยมเดียวกัน
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ไต้หวัน – ไอร์แลนด์ ต่างก็เป็นประเทศที่ยึดมั่นในค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ การเดินทางมาเยือนของอาคันตุกะในครั้งนี้ ยิ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงแนวคิดที่ทั้งสองมีร่วมกัน โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์ในปัจจุบันที่ลัทธิอำนาจนิยม แผ่ขยายอิทธิพลเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ไต้หวันจะประกาศก้องให้ประชาคมโลกร่วมรับทราบด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรมว่า พวกเราเป็นพันธมิตรประชาธิปไตยที่เชื่อถือได้ และสามารถสร้างคุณประโยชน์แก่ประชาคมโลกได้
Mr. McGuinness กล่าวปราศรัยว่า ไอร์แลนด์มุ่งสานสัมพันธไมตรีอันดีงามกับไต้หวันเสมอมาบนพื้นฐานค่านิยมด้านประชาธิปไตยและผลประโยชน์ร่วมกัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนแบบทวิภาคีในด้านต่างๆ อาทิ การค้าระหว่างประเทศ วัฒนธรรมและการศึกษา อีกทั้ง Mr. McGuinness เคยมีโอกาสร่วมงานกับเจ้าหน้าที่การทูตของไต้หวันหลายท่าน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมและเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างกันในเชิงลึก
Mr. McGuinness ระบุว่า กลไกตลาดและการค้าในปัจจุบัน กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายและปัจจัยความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ พวกเราจึงจำเป็นต้องเฝ้าจับตาต่อมาตรการในขั้นต่อไปของรัฐบาลสหรัฐฯ และต้องเฝ้าจับตาต่อพฤติกรรมของจีนควบคู่ไปด้วย ซึ่งบทบาทของสหภาพยุโรป (EU) มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยในจำนวนนี้ ไอร์แลนด์ก็ได้สวมบทบาทที่สำคัญไม่แพ้กัน
Mr. McGuinness แถลงว่า ไต้หวัน - ไอร์แลนด์ สามารถจับมือกันพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่มีความสำคัญต่อมวลมนุษยชาติร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่า AI อยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์ มิใช่มนุษย์ที่เป็นฝ่ายถูกควบคุม ขณะเดียวกัน พวกเราไม่สามารถมองข้ามกลไกการค้ารูปแบบดั้งเดิมได้ จึงจำเป็นที่จะต้องรักษาความครอบคลุมทางกลไกการค้า ควบคู่ไปกับการขยายขอบเขตการค้า และให้การสนับสนุนเทคโนโลยีเกิดใหม่อย่างกระตือรือร้น
ในระหว่างการพำนักในไต้หวัน คณะตัวแทนนอกจากจะเข้าพบคารวะปธน.ไล่ฯ แล้ว ยังมีกำหนดการเข้าร่วมหารือแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐของไต้หวัน ในประเด็นสถานการณ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคงในภูมิภาค ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน - ไอร์แลนด์ รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี เป็นต้น