กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 4 – 5 ส.ค. 68
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 นายเก๋อเป่าเซวียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อให้การต้อนรับ “คณะผู้แทนถาวรประเทศพันธมิตรไต้หวันประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา” จำนวนรวม 6 คน ประกอบด้วย Mr. José Francisco Calí Tzay ผู้แทนถาวรกัวเตมาลาและภริยา , Ms. Ann-Kathryne Lassègue ผู้แทนถาวรเฮติและสามี รวมถึง Mr. Samuel K. Lanwi, Jr. รองผู้แทนถาวรหมู่เกาะมาร์แชลล์และภริยา ที่มีกำหนดการเดินทางเยือนไต้หวัน ในช่วงระหว่างวันที่ 4 – 9 สิงหาคม 2568 นับเป็นครั้งแรกที่ผู้แทนถาวรจากกัวเตมาลาและเฮติ เดินทางเยือนไต้หวัน
ในโอกาสนี้ รมช.เก๋อฯ ในฐานะตัวแทนของนายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันได้แสดงความขอบคุณต่อคณะตัวแทน ที่มุ่งให้การสนับสนุนต่อแผนผลักดันของไต้หวัน เพื่อเรียกร้องในการเข้ามีส่วนร่วมในระบบสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก (WHO) พร้อมเน้นย้ำว่า ญัตติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับไต้หวันเลย จึงไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการกีดกันมิให้ไต้หวันเข้าร่วมในระบบสหประชาชาติหรือองค์การระหว่างประเทศได้ หลังจากนี้ ไต้หวันจะมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศพันธมิตร และบรรดามิตรประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ในการต่อต้านการจงใจบิดเบือนญัตติดังกล่าวในทิศทางที่ขัดต่อหลักความเป็นจริงโดยรัฐบาลจีน ทั้งนี้ เพื่อต้องการรักษาไว้ซึ่งสิทธิการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศของไต้หวัน รวมไปถึงสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก นอกจากนี้ ตลอดที่ผ่านมา กต.ไต้หวันยังส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ประเทศพันธมิตรในด้านการพัฒนาประเทศชาติ ผ่าน “การทูตเชิงบูรณาการ” และ “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร” ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในมิติต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ประชาคมโลกประจักษ์ถึงคุณค่าของไต้หวัน และความจำเป็นในการติดต่อเชิญให้ไต้หวันเข้าสู่กลไกระบบขององค์การระหว่างประเทศ
การเดินทางมาเยือนของคณะตัวแทนในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ล่าสุดทางการเมืองและเศรษฐกิจของไต้หวัน รวมถึงนัยยะสำคัญของหลักการการทูตเชิงบูรณาการ อีกทั้งยังจะร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไต้หวัน ในประเด็นที่สหประชาชาติเฝ้าจับตาให้ความสนใจ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการชี้แนะให้นโยบายที่ไต้หวันกำหนดขึ้น สอดรับต่อแนวโน้มระหว่างประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาไปสู่การบรรลุเป้าหมาย “ไต้หวันช่วยได้” (Taiwan can help) และ “ไต้หวันเป็นผู้นำ” (Taiwan can lead)
