ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วมพิธีเปิด “การประชุม Ketagalan-ความมั่นคงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ประจำปี 2568”
2025-08-06
New Southbound Policy。ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วมพิธีเปิด “การประชุม Ketagalan-ความมั่นคงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ประจำปี 2568” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วมพิธีเปิด “การประชุม Ketagalan-ความมั่นคงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ประจำปี 2568” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 5 ส.ค. 68
 
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้เข้าร่วมพิธีเปิด “การประชุม Ketagalan-ความมั่นคงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ประจำปี 2568” (Ketagalan Forum: 2025 Indo-Pacific Security Dialogue) โดยระบุว่า ไต้หวันตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 ถือเป็นแกนหลักสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก โดยรัฐบาลจะมุ่งดำเนินการตาม “แผนปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ 4 มิติ” เพื่อรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนกับพันธมิตรประชาธิปไตยในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง และจะมุ่งพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองระดับสากล ตลอดจนจะยกระดับความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคมอย่างกระตือรือร้น ด้วยขยายขอบเขตการฝึกอบรมกองกำลังประชาชน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับศักยภาพการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง ผ่านการผนึกกำลังความร่วมมือระหว่างกองทัพทหารและภาคประชาชน
 
ปธน.ไล่ฯ เน้นย้ำว่า เศรษฐกิจถือเป็นรากฐานสำคัญของประเทศชาติ และเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนหลักการประชาธิปไตย ไต้หวันจะมุ่งมั่นยกระดับความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้เกิดเสถียรภาพ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พันธมิตรประชาธิปไตยโลกจะจับมือกันสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานด้านประชาธิปไตยที่มีความแข็งแกร่งยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และก่อเกิดเป็นประชาธิปไตยที่ได้รับการพัฒนาในเชิงลึก
 
คำปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษของปธน.ไล่ฯ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ :

การประชุม Ketagalan ในปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว โดยในทุกปี บุคคลสำคัญทางการเมือง ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากนานาประเทศทั่วโลก จะเดินทางมารวมตัวกันในไต้หวัน เพื่อร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนกันในประเด็นหลากหลายแง่มุมเกี่ยวกับความมั่นคงในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก
 
หัวข้อการอภิปรายในปีนี้ แบ่งออกเป็น 3 รายการ ได้แก่ “ความมั่นคงในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก” , “ยุทธศาสตร์การปกป้องภาคประชาสังคมของพันธมิตรประชาธิปไตย” และ “การบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ทางการทูตเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม” ซึ่งทั้ง 3 หัวข้อนี้ ล้วนมีความเกี่ยวโยงกับทิศทางการพัฒนาประเทศชาติของไต้หวันด้วยกันทั้งสิ้น
 
ตลอดปีที่ผ่านมานี้ สถานการณ์ระหว่างประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกผันไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสถานการณ์ที่ลัทธิอำนาจนิยมแผ่ขยายอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง พันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลกจำเป็นต้องผนึกกำลังสามัคคีในการปกป้องไว้ซึ่งค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ ด้วยเหตุนี้ หลังการเข้ารับตำแหน่งไม่นาน ปธน.ไล่ฯ จึงได้มุ่งผลักดันและดำเนินการตาม “แผนปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ 4 มิติ” อย่างกระตือรือร้น ซึ่งประกอบด้วย การเสริมสร้างศักยภาพทางกลาโหม การจัดตั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การแสดงให้เห็นศักยภาพผู้นำความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวันที่มีหลักการและคงเสถียรภาพ และการผลักดันการทูตเชิงค่านิยม
 
ประกอบกับในปัจจุบัน ไต้หวันอยู่ระหว่างการยกระดับความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคมอย่างกระตือรือร้น ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ไต้หวันได้ทำการบูรณาการ “การฝึกซ้อมรบประจำปีฮั่นกวง” ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เข้ากับ “การฝึกซ้อมความยืดหยุ่นในพื้นที่เมือง – ชนบท ประจำปี 2568” (2025 Urban Resilience (Air-Defense) Exercise) ในนาม “เดือนแห่งความสามัคคีแห่งชาติ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายขอบเขตการฝึกอบรมกองกำลังประชาชน ควบคู่ไปกับการทดสอบศักยภาพการรับมือกับสถานการณ์แปรปรวนสุดขั้วของทุกหน่วยงานในพื้นที่ทั่วประเทศ ที่เกิดจากการผนึกกำลังระหว่างกองทัพทหารและภาคประชาชน
 
ขณะเดียวกัน พวกเราก็มุ่งผลักดันการปฏิรูปทางกลาโหม พร้อมอัดฉีดทรัพยากรที่เพิ่มพูนมากขึ้น โดยรัฐบาลได้จัดสรรให้งบประมาณทางกลาโหมของปีหน้า เพิ่มสูงขึ้นในสัดส่วนร้อยละ 3 ของ GDP
 
นอกจากนี้ ไต้หวันยังจะมุ่งเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ ด้วยการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับนานาประเทศในเชิงลึก ควบคู่ไปกับการยกระดับ “อุตสาหกรรมที่เชื่อถือได้ 5 รายการ”
 
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกที่มีความรับผิดชอบ ไต้หวันจะจับมือกับพันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลก ร่วมเผชิญหน้ากับความท้าทาย และธำรงรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานกฎกติกาสากล ทั้งนี้ เพื่อปกป้องสันติภาพไว้ด้วยศักยภาพ และคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตรูปแบบประชาธิปไตยและเสรีภาพที่ได้มาอย่างยากลำบาก ให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน