
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 14 ส.ค. 68
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนจากสถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาด้านนโยบายสาธารณะของสหรัฐฯ โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาล รัฐสภาและเจ้าหน้าที่คลังสมองของสหรัฐฯ ที่ส่งมอบการสนับสนุนแบบข้ามพรรคให้แก่ไต้หวันอย่างหนักแน่นเสมอมา พร้อมกล่าวว่า เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันและภัยคุกคามที่จีนทวีสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไต้หวันจะมุ่งเสริมสร้างศักยภาพทางกลาโหม จัดตั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการจับมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างสหรัฐฯ เพื่อร่วมกันปกป้องประชาธิปไตย ตลอดจนธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน
ปธน.ไล่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า สถาบัน Brookings ก่อตั้งขึ้นเกินกว่าศตวรรษแล้ว ถือเป็นหนึ่งในคลังสมองที่มีประวัติความเป็นมายาวนานและทรงอิทธิพลที่สุดของสหรัฐฯ ข้อชี้แนะและบทวิเคราะห์ที่สถาบันฯ ยื่นเสนอ ล้วนแต่ได้รับการให้ความสำคัญจากนานาประเทศทั่วโลก โดยไต้หวันยินดีที่จะมุ่งมั่นรักษาความสัมพันธ์อันดีกับทุกฝ่าย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ จะทำให้คณะตัวแทนเกิดความเข้าใจต่อไต้หวันได้อย่างถ่องแท้และลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ปธน.ไล่ฯ ระบุว่า ไต้หวันในปัจจุบันได้ก้าวสู่การเป็นไต้หวันของประชาคมโลก ซึ่งนอกจากพวกเราจะเป็นส่วนหนึ่งใน “ระบบห่วงโซ่ค่านิยมประชาธิปไตยโลก” และ “ใจกลางพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 ในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก” แล้ว ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ไม่สามารถขาดได้ใน “ระบบห่วงโซ่อุปทานทางเทคโนโลยีที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” อีกด้วย การที่ไต้หวันบังเกิดผลสัมฤทธิ์เช่นในปัจจุบัน นอกจากจะเป็นผลอันเนื่องมาจากการต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตยของภาคประชาชนอย่างมุ่งมั่นแล้ว ยังเกิดจากพลังสนับสนุนแบบข้ามพรรคของรัฐบาล รัฐสภาและมิตรสหายในคลังสมองของสหรัฐฯ ที่ส่งมอบให้ไต้หวันอย่างหนักแน่นเสมอมา
ปธน.ไล่ฯ เน้นย้ำว่า เมื่อเผชิญหน้ากับการก่อกวนจากรัฐบาลจีน ผ่านการข่มขู่ด้วยกำลังทหาร การสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจ และการรุกรานด้วยกลยุทธ์พื้นที่สีเทา การแทรกซึมของประเทศเผด็จการ สงครามไซเบอร์และสงครามจิตวิทยา เป็นต้น ที่นับวันยิ่งแผ่ขยายอิทธิพลและภัยคุกคามต่อไต้หวันในขอบเขตที่กว้างมากขึ้น รัฐบาลไต้หวันนอกจากจะมุ่งดำเนินการตาม “แผนปฏิบัติการเพื่อสันติภาพใน 4 มิติ” แล้ว พวกเรายังจะมุ่งเสริมสร้างศักยภาพทางกลาโหม จัดตั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ตลอดจนจับมือกับพันธมิตรที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างสหรัฐฯ โดยได้มีการชูเสนอกลยุทธ์การรับมือ 17 รายการไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อต้องการปกป้องประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน
เมื่อเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงและการปรับโครงสร้างของกลไกเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ไต้หวันจะมุ่งพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงลึก ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ภายใต้พื้นฐานที่มีอยู่เดิม เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่สองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการเจรจามาตรการภาษีศุลกากรที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน หรือ “ข้อตกลงว่าด้วยการหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้ำซ้อน” ที่เอื้อประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะบรรลุฉันทามติระหว่างกันโดยเร็ววัน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีเชิงลึกในมิติต่างๆ และร่วมส่งเสริมความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตร่วมกัน
Mr. Ryan Hass ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย John L. Thornton แห่งสถาบัน Brookings กล่าวขณะปราศรัยว่า วัตถุประสงค์การเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการทำความเข้าใจต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน และเผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสถาบัน Brookings ที่มีต่อการปรับนโยบายเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับไต้หวันในเชิงลึกต่อไป
ในวันเดียวกันนี้ รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉินก็ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทน พร้อมกล่าวว่า ไต้หวันมีรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีความสมบูรณ์ เปิดกว้างและเพรียบพร้อมด้วยศักยภาพทางการแข่งขัน ซึ่งสามารถส่งต่อให้คนรุ่นหลังสืบสานและพัฒนาให้ดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน
นับตั้งแต่ที่ปธน.ไล่ฯ เข้ารับตำแหน่งเป็นต้นมา รัฐบาลไต้หวันต่างก็มุ่งเสริมสร้างความมั่นคงของไต้หวันในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะสานต่อภารกิจต่างๆ จากอดีตปธน.ไช่อิงเหวินแล้ว ยังได้เพิ่มเติมภารกิจเพื่อก่อให้เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น อาทิ การผลักดันความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคม และการเร่งปฏิรูปทางกลาโหมและระบบการบริหารกำลังพลทหาร เป็นต้น