
ทำเนียบประธานาธิบดีและกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 18 ส.ค. 68
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้ให้การต้อนรับ “คณะตัวแทนจากกรมส่งเสริมเยาวชนแห่งพรรคเสรีประชาธิปไตยญี่ปุ่น (Liberal Democratic Party, LDP)” รวมจำนวน 70 กว่าคน ที่มีกำหนดการเดินทางเยือนไต้หวัน ในช่วงระหว่างวันที่ 17 – 20 สิงหาคม 2568 โดยปธน.ไล่ฯ ได้กล่าวให้การต้อนรับและแสดงความขอบคุณต่อกรมส่งเสริมเยาวชน ที่สวมบทบาทสำคัญในการแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่น เสมอมายาวนาน เพื่อกระตุ้นให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความเข้าใจและกระชับความร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นเสมอมา นอกจากนี้ ปธน.ไล่ฯ เผยว่า ญี่ปุ่น - ไต้หวันมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันอย่างใกล้ชิด รัฐบาลญี่ปุ่นมักจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือแก่ไต้หวันเมื่อยามที่พวกเราประสบกับความยากลำบาก ส่งมอบความอบอุ่นให้แก่ภาคประชาชนชาวไต้หวันเสมอมาด้วยความจริงใจ
ปธน.ไล่ฯ แถลงว่า ไต้หวัน - ญี่ปุ่น ต่างยึดมั่นในค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพร่วมกัน เมื่อเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของลัทธิอำนาจนิยม พวกเราเล็งเห็นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ร่วมแสดงจุดยืนเน้นย้ำความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน ทั้งในการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ – ญี่ปุ่น , การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนําระดับโลก 7 ประเทศ (Group of Seven, G7) และกรอบความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก (QUAD) ซึ่งเป็นแบบนี้เรื่อยมา ตั้งแต่วาระตำแหน่งของนายชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) อดีตนายกรัฐมนตรี มาจนถึงนายชิเงรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
ปธน.ไล่ฯ ยังระบุว่า เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ปธน.ไล่ฯ คาดหวังจะเห็นทั้งสองฝ่ายขยายขอบเขตความร่วมมือไปสู่เซมิคอนดักเตอร์ , เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) , อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ , การควบคุมด้านความมั่นคง และเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ เป็นต้น หรือที่นอกเหนือจากความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ และการรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพในภูมิภาค ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับศักยภาพทางการแข่งขัน ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความทรหดทางเศรษฐกิจแก่กัน
ลำดับต่อมาเป็นการกล่าวปราศรัยของ Mr. Nakasone Yasuhiro สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น ที่รับหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะตัวแทนครั้งนี้ โดย Mr. Yasuhiro ระบุว่า ไต้หวัน - ญี่ปุ่น ยึดมั่นในค่านิยมคล้ายคลึงกันหลายประการ และต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้งยังประสานความร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรมในหลากหลายมิติ โอกาสนี้ Mr. Yasuhiro ยังได้ประกาศว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีกำหนดการจัดตั้ง “กรมป้องกันภัยพิบัติ” ขึ้นในปีหน้านี้ (พ.ศ. 2569) ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญของหน่วยงานคือ การเสริมสร้างความร่วมมือระดับนานาชาติ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายร่วมแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง สถานการณ์ล่าสุดและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติ ตลอดจนมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการป้องกันภัยพิบัติอย่างกระตือรือร้นต่อไป
Mr. Yasuhiro ได้หยิบยกกรณีความร่วมมือแบบทวิภาคีในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ปธน.ไล่ฯ ได้ระบุถึงในข้างต้น มากล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากด้านเซมิคอนดักเตอร์แล้ว เทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ และเทคโนโลยี AI ต่างก็เป็นข้อได้เปรียบของทั้งสองประเทศ จึงหวังที่จะเห็นผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากความร่วมมือในด้านที่เกี่ยวข้อง นำมาซึ่งศักยภาพทางการแข่งขันที่เพิ่มพูนมากขึ้นให้แก่ภาคอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศต่อไป