ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
นรม.ไต้หวันเข้าร่วมพิธีเปิดงานแสดงหุ่นยนต์และระบบอัจฉริยะไต้หวัน (TAIROS) และงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและโซลูชั่นระบบอัตโนมัติกรุงไทเป (Automation Taipei) โดยระบุว่า รัฐบาลจะมุ่งผลักดันแผนโครงสร้างพื้นฐาน AI รวม 10 รายการ” ด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพวิถีชีวิตของภาคประชาชน
2025-08-21
New Southbound Policy。นรม.ไต้หวันเข้าร่วมพิธีเปิดงานแสดงหุ่นยนต์และระบบอัจฉริยะไต้หวัน (TAIROS) และงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและโซลูชั่นระบบอัตโนมัติกรุงไทเป (Automation Taipei) โดยระบุว่า รัฐบาลจะมุ่งผลักดันแผนโครงสร้างพื้นฐาน AI รวม 10 รายการ” ด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพวิถีชีวิตของภาคประชาชน (ภาพจากสภาบริหาร)
นรม.ไต้หวันเข้าร่วมพิธีเปิดงานแสดงหุ่นยนต์และระบบอัจฉริยะไต้หวัน (TAIROS) และงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและโซลูชั่นระบบอัตโนมัติกรุงไทเป (Automation Taipei) โดยระบุว่า รัฐบาลจะมุ่งผลักดันแผนโครงสร้างพื้นฐาน AI รวม 10 รายการ” ด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพวิถีชีวิตของภาคประชาชน (ภาพจากสภาบริหาร)

สภาบริหาร วันที่ 20 ส.ค. 68
 
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรีไต้หวัน ได้เข้าร่วมพิธีเปิด “งานแสดงหุ่นยนต์และระบบอัจฉริยะไต้หวัน” (Taiwan Automation Intelligence and Robot Show, TAIROS)” และ “งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและโซลูชั่นระบบอัตโนมัติกรุงไทเป (Automation Taipei 2025)” นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า “สมาคมปัญญาประดิษฐ์อัตโนมัติและหุ่นยนต์ไต้หวัน” (Taiwan Automation Intelligence and Robotics Association, TAIROA) หน่วยงานเจ้าภาพ ได้เชื่อมโยงบูรณาการเทคโนโลยี AI , หุ่นยนต์และเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งครอบคลุมระบบนิเวศทางเทคโนโลยีอัจฉริยะในภาพรวม เพื่อส่งเสริมให้ข้อได้เปรียบเหล่านี้เกื้อหนุนและพัฒนาไปในทิศทางที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เทคโนโลยีขั้นสูงแล้ว ภายในงานจัดแสดงยังมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตรูปแบบดั้งเดิม และอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลที่ช่วยพยุงระบบเศรษฐกิจของไต้หวัน หลังจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และการพัฒนายกระดับ AI ของอุตสาหกรรมดั้งเดิมของไต้หวันแล้ว ยังได้ริเริ่มผสมผสานเข้ากับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ที่ทันสมัยของโลก ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ทุกภาคอุตสาหกรรมต้องร่วมเผชิญหน้า
 
นรม.จั๋วฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันมีการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรืองในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งนอกจากจะสวมบทบาทในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ยังมุ่งผลักดันเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงสู่เวทีนานาชาติ ทั้งนี้ เพื่อครองบทบาทสำคัญในด้าน “การผลิตเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับนานาชาติ” อย่างต่อเนื่องต่อไป
 
นรม.จั๋วฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศ “แผนปฏิบัติการด้าน AI ของสหรัฐฯ” (America’s AI Action Plan) โดยในช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติของไต้หวัน ก็ได้ยื่นเสนอ “ร่างญัตติแผนปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI จำนวน 10 รายการ” โดยจะทำการบัญญัติเข้าสู่แผนการผลักดันอย่างเป็นระบบในอนาคต โดยในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ สภาบริหารจะประกาศ “แผนงบประมาณรวมของรัฐบาลกลาง ประจำปี 2569” ซึ่งเราจะสามารถประจักษ์เห็นถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ “แผนโครงสร้างพื้นฐาน AI รวม 10 รายการ” ในปีแรกที่เกิดจากความมุ่งมั่นของรัฐบาล โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเชื่อมโยงสู่เทคโนโลยีทันสมัยของโลก
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า  “แผนโครงสร้างพื้นฐาน AI รวม 10 รายการ” ประกอบด้วย 3 มิติ ได้แก่ : “การประยุกต์ใช้รูปแบบอัจฉริยะ” , “เทคโนโลยีที่สำคัญ” และ “รากฐานทางดิจิทัล” โดยในจำนวนนี้ “เทคโนโลยีที่สำคัญ” ประกอบด้วย ซิลิคอนโฟโตนิกส์ (Silicon Photonics) , เทคโนโลยีควอนตัม (Quantum Technology) และหุ่นยนต์อัจฉริยะ เป็นต้น นรม.จั๋วฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นหุ่นยนต์อัจฉริยะที่คิดค้นวิจัยในไต้หวัน พัฒนาสู่องค์ประกอบสำคัญของระบบห่วงโซ่อุปทานโลก ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังจะเพิ่มพูนศักยภาพในมิติต่างๆ ควบคู่ไปด้วย อาทิ การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แบบพึ่งพาตนเอง (Sovereign AI) , การเสริมสร้างศักยภาพการประมวลผล , การบ่มเพาะบุคลากร AI ในด้านต่างๆ และการลงทุนในกองทุนมูลค่าแสนล้านเหรียญไต้หวัน เป็นต้น อนึ่ง นรม.จั๋วฯ เน้นย้ำว่า เป้าหมายขั้นสูงสุดของ “แผนโครงสร้างพื้นฐาน AI รวม 10 รายการ” คือการสรรสร้างให้ไต้หวันก้าวสู่ “วงจรวิถีชีวิตรูปแบบอัจฉริยะสำหรับภาคประชาชน” ไม่ว่าตัวจะอยู่แห่งหนใด หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจากอุตสาหกรรมแขนงใด หรือเข้ารับการบริการประเภทใด หรือแม้กระทั่งพบเจอคนแบบใด ล้วนแต่จะสามารถยกระดับคุณภาพวิถีชีวิตของประชาชนในวงจรวิถีชีวิตรูปแบบอัจฉริยะ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันกับโครงการสำคัญในการเปลี่ยนผ่านและยกระดับคุณภาพวิถีชีวิตของมวลมนุษยชาติในภายภาคหน้า
 
นรม.จั๋วฯ ระบุว่า การแสวงหากลยุทธ์น่านน้ำสีครามให้แก่ภาคอุตสาหกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะ ควบคู่ไปกับการสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานของกลุ่มประชาธิปไตย เป็นภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงของไต้หวัน ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงได้ทยอยร่างแผนการที่เกี่ยวข้อง และกำหนดจัดตั้งให้สวนอุทยานเขตหลิวอิ๋งในนครไถหนาน เป็นฐานที่ตั้งสำคัญ บูรณาการเข้ากับ “ศูนย์วิจัยหุ่นยนต์อัจฉริยะ” ในเขตซาหลุน และ “สถาบันวิจัยพัฒนาด้านนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะ” ในเขตลิ่วเจี่ย เพื่อสร้างความเชื่อมโยงในการติดต่อประสานงาน และจับมือกันร่วมวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็จะจัดสรรงบประมาณในส่วนต่างๆ ที่จะมุ่งผลักดันในปีหน้าเป็นปีแรก เชื่อว่าอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ไต้หวันจะสามารถขับเคลื่อนให้เกิดโอกาสอันดีใน “การผลิตรูปแบบอัจฉริยะ” และ “การยกระดับอุตสาหกรรม”
 
เมื่อกล่าวถึงกลไกการค้ารูปแบบใหม่ในโลกนานาชาติ นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า การเจรจาในประเด็นภาษีศุลกากร ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลกำลังมุ่งเตรียมการยื่นเสนอแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุม โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สาระสำคัญของแผนการเจรจาในหลังจากนี้ จะสามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้ในเร็ววัน ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ประเทศชาติ ภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรม ได้รับอัตราภาษีที่เหมาะสม และเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ด้วยการไม่บวกเพิ่มจากอัตราภาษีเดิม ซึ่งนี่คือเป้าหมายของประเทศชาติ และเป็นภารกิจหลักของคณะเจรจา
 
เพื่อลดบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากภาษีศุลกากรของภาคอุตสาหกรรม นรม.จั๋วฯ ระบุว่า ระยะที่ผ่านมา สภาบริหารมีมติผ่านร่างแก้ไข “กฎหมายพิเศษว่าด้วยการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางความมั่นคงแห่งชาติและความเป็นอยู่ของพลเรือน รวมถึงสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ระหว่างประเทศ” ในมาตราที่ 3 , 6 และ 9 และได้ยื่นส่งให้สภานิติบัญญัติทำการพิจารณา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ขยายเพิ่มขอบเขตงบประมาณภาพรวมเป็น 590,000 ล้านเหรียญไต้หวัน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกกำหนดไว้ที่ 570,000 ล้านเหรียญไต้หวัน และเผื่อไว้อีก 20,000 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยรัฐบาลจะทำการประเมินสถานการณ์ความคืบหน้าด้านการบริหารแผนการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมด้วยงบประมาณมูลค่า 93,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เพื่อใช้เป็นหลักอ้างอิงในการส่งมอบการสนับสนุนต่อภาคอุตสาหกรรมต่อไป นรม.จั๋วฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นแวดวงภาคอุตสาหกรรมร่วมเป็นกระบอกเสียง เพื่อให้ญัตติกฎหมายข้างต้นได้รับการลงมติให้ผ่านโดยเร็ววัน เพื่อที่สภาบริหารจะสามารถใช้เป็นหลักอ้างอิงในการจัดรวบรวมงบประมาณพิเศษ เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมอย่างครอบคลุม ควบคู่ไปกับการดูแลภาคประชาสังคม และปกป้องความยืดหยุ่นด้านความมั่นคงของประเทศชาติ ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันในวิถีชีวิตของภาคประชาชน ตลอดจนรักษาไว้ซึ่งการคงอยู่ของภาคอุตสาหกรรมและศักยภาพการแข่งขันของประเทศชาติ