ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
คกก.เพื่อการพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน (NDC) นำกลุ่มสตาร์ทอัพไต้หวันจัดแสดงผลสัมฤทธิ์ในเอ็กซ์โปโอซาก้า นอกจากนี้ NDC-มหาวิทยาลัยเกียวโตและเทศบาลนครเกียวโต ยังจับมือกันส่งเสริมความร่วมมือของกลุ่มสตาร์ทอัพ พร้อมกันนี้ NDC ยังได้จับมือกับเทศบาลนครโตเกียว ส่งเสริมความร่วมมือของกลุ่มสตาร์ทอัพ ซึ่งได้รับพลังเสียงสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐญี่ปุ่น
2025-08-26
New Southbound Policy。คกก.เพื่อการพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน (NDC) นำกลุ่มสตาร์ทอัพไต้หวันจัดแสดงผลสัมฤทธิ์ในเอ็กซ์โปโอซาก้า นอกจากนี้ NDC-มหาวิทยาลัยเกียวโตและเทศบาลนครเกียวโต ยังจับมือกันส่งเสริมความร่วมมือของกลุ่มสตาร์ทอัพ พร้อมกันนี้ NDC ยังได้จับมือกับเทศบาลนครโตเกียว ส่งเสริมความร่วมมือของกลุ่มสตาร์ทอัพ ซึ่งได้รับพลังเสียงสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐญี่ปุ่น (ภาพจาก NDC)
คกก.เพื่อการพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน (NDC) นำกลุ่มสตาร์ทอัพไต้หวันจัดแสดงผลสัมฤทธิ์ในเอ็กซ์โปโอซาก้า นอกจากนี้ NDC-มหาวิทยาลัยเกียวโตและเทศบาลนครเกียวโต ยังจับมือกันส่งเสริมความร่วมมือของกลุ่มสตาร์ทอัพ พร้อมกันนี้ NDC ยังได้จับมือกับเทศบาลนครโตเกียว ส่งเสริมความร่วมมือของกลุ่มสตาร์ทอัพ ซึ่งได้รับพลังเสียงสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐญี่ปุ่น (ภาพจาก NDC)

คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ วันที่ 22 ส.ค. 68
 
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไต้หวัน รุกขยายตลาดนานาชาติ เมื่อวันที่ 21สิงหาคม 2568 นายหลิวจิ้งชิง ประธานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ (NDC) จึงได้นำคณะตัวแทนสตาร์ทอัพ 29 กลุ่ม เดินทางเยือนย่านการค้าอุเมดะ จังหวัดโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำเสนอไฮไลท์ทางเทคโนโลยีและการประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ทั้งในด้านเทคโนโลยี AI , เทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ , การบริหารจัดการพลังงาน , วิถีชีวิตรูปแบบอัจฉริยะ และการป้องกันการฉ้อโกงด้วยระบบ AI โดยการประชุมในครั้งนี้ได้รับการรับรองโดยคณะกรรมการบริหารงานเอ็กซ์โปโอซาก้า ให้เป็นกิจกรรมรอบนอกที่กำกับดูแลโดยภาครัฐ ภายในงานได้รับเกียรติจาก Ms. KATAKABE Mayu รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานในจังหวัดโอซากา เข้าร่วมด้วย โดย Ms. Mayu หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นไต้หวัน - ภูมิภาคคันไซ ประสานการแลกเปลี่ยนและร่วมมือกันในด้านสตาร์ทอัพและภาคอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยกิจกรรมในครั้งนี้ สามารถดึงดูดผู้ประกอบการและตัวแทนองค์การอุตสาหกรรมที่สำคัญในภูมิภาคคันไซ ให้เดินทางมาเข้าร่วมมากมาย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางการแข่งขันในระดับนานาชาติของกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไต้หวัน
 
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางนวัตกรรมชีวการแพทย์ พลังงานและ AI ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น NDC จึงได้มอบหมายให้ประธานหลิวฯ นำคณะตัวแทน เข้าร่วมกิจกรรม Demo Pitch ที่ร่วมจัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเกียวโต (Kyoto University) และ iCAP บริษัทธุรกิจเงินร่วมลงทุน เพื่อนำเสนอให้แวดวงผู้ประกอบการ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกียวโต และองค์การการลงทุน ประจักษ์เห็นผลสัมฤทธิ์ด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของไต้หวัน โดยมีผู้ประกอบการสตาร์ทอัพของไต้หวัน จำนวน 22 รายเข้าร่วม ในการนำเสนอให้ตลาดญี่ปุ่นมองเห็นศักยภาพของกลุ่มสตาร์ทอัพ
 
นอกจากนี้ ประธานหลิวฯ ยังได้ตอบรับคำเชิญของเทศบาลนครเกียวโต เดินทางเข้าร่วมแลกเปลี่ยนกับ Mr. Koji Matsui ผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโต โดยตัวแทนภาครัฐของญี่ปุ่น ได้ร่วมแบ่งปันว่า เกียวโตเป็นจังหวัดที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและนวัตกรรมเข้าด้วยกัน โดยในอนาคตหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้กลับมาคึกคักเช่นเคย Mr. Matsui ก็หวังที่จะมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น ตั้งแต่ส่วนกลางไปจนถึงเทศบาลท้องถิ่น พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ NDC ยังได้ชี้แจงว่า จวบจนปัจจุบัน ไต้หวันได้มีการจัดตั้งฐานนวัตกรรมขึ้น ณ กรุงโตเกียวและซิลิคอนแวลลีย์แห่งสหรัฐฯ โดยในอนาคต พวกเราจะมุ่งประสานความร่วมมือกับเทศบาลนครเกียวโต เพื่อช่วยส่งเสริมให้กลุ่มสตาร์ทอัพ ประสบความสำเร็จในการรุกขยายตลาดนานาชาติได้อย่างราบรื่นโดยเร็ววัน
 
นอกจากนี้ “การประชุมสุดยอดนวัตกรรม ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น” ครั้งที่ 4 ที่ร่วมจัดขึ้นโดย NDC เทศบาลนครโตเกียวและองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรม Imperial Hotel ที่ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว โดยประธานหลิวฯ ได้นำคณะตัวแทนสตาร์ทอัพ 45 ราย เดินทางเข้าร่วม เพื่อมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือทางอุตสาหกรรมเชิงนวัตกรรม ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยี และการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ทั้งนี้ เพื่อร่วมสร้างระบบนิเวศทางนวัตกรรมแบบข้ามพรมแดน
 
ประธานหลิวฯ กล่าวว่า ในอดีต อุตสาหกรรมของไต้หวันประสบความสำเร็จอย่างสูงในการครองบทบาทผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจและนวัตกรรมที่ยืดหยุ่น อย่างไรก็ตาม อนาคตของอุตสาหกรรมของไต้หวันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยนวัตกรรม เพื่อก้าวไปสู่อีกระดับที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ NDC จึงได้กำหนดกลยุทธ์ไว้ รวม 5 มิติ ดังนี้ : (1) NDC จะจับมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดตั้งโครงการลงทุนในมูลค่าหมื่นล้านเหรียญไต้หวัน โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมดิจิทัล การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (NET ZERO) และ AI ทั้งนี้ เพื่อการระดมทุนสำหรับผู้ประกอบการ ; (2) การจัดการแข่งขันผู้ประกอบการภาคธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพในเชิงนวัตกรรม และขยายขอบเขตเป้าหมายการลงทุน ; (3) ยกระดับกลไกการฝึกอบรมที่ครอบคลุมสมบูรณ์ เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จของกลุ่มสตาร์ทอัพ ; (4) ช่วยส่งเสริมการรุกขยายตลาดนานาชาติของกลุ่มสตาร์ทอัพ ผ่านฐานปฏิบัติการในต่างแดนของ NDC จำนวน 2 แห่ง และ (5) ส่งเสริมการจัดตั้งแพลตฟอร์มวงจรชีวิตของธุรกิจสตาร์ทอัพแบบข้ามหน่วยงาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรสำหรับผู้ประกอบการ
 
การประชุมในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ 4 หัวข้อหลัก ประกอบด้วย : เงินทุนร่วมลงทุนขององค์กร (corporate venture capital, CVC) การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (Mergers and acquisitions, M&A) เทคโนโลยีขั้นสูง (DeepTech) และความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจนานาชาติ โดยขอบเขตธุรกิจที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ประกอบด้วย เทคโนโลยี AI , ชีวการแพทย์ , เทคโนโลยีการเงิน , ESG และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เป็นต้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการแข่งขันของไต้หวันในวงการสตาร์ทอัพระดับสากล